นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ อยู่ระหว่างการจัดทำร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนเตรียมรอไว้ลงนามร่วมกับประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) เพื่อขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยได้
พร้อมกันนี้ รัฐบาลของ UAE ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเข้ามาใช้ UAE เป็นฐานโจมตีหรือใส่ร้ายทางการเมืองแก่ประเทศอื่นอย่างเด็ดขาด
"ทาง UAE จะไม่ยอมให้ใช้ฐานของประเทศไปโจมตีใส่ร้าย ซึ่งขณะนี้ UAE อยู่ระหว่างการส่งร่างข้อตกลงผู้ร้ายข้ามแดนมาให้ทางกระทรวงต่างประเทศ" รมช.พาณิชย์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่ไทยและ UAE มีข้อตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว ถือว่าจะได้รับประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจาก UAE เองก็ต้องการจะได้ตัวคนร้ายที่แอบแฝงตัวอยู่ในประเทศไทยกลับไปดำเนินคดีในประเทศเช่นกัน ซึ่งช่วงที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปเจรจากับรัฐบาล UAE ระหว่าง 19-21 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ได้นำกรณีการออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ไปชี้แจงด้วย
นายพนิช วิกิตเศรษฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้แทนพิเศษร่วมกับ รมช.พาณิชย์ เดินทางไปยังกรุงอาบูดาบี เพื่อนำหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกขที่ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี และคดียุยงปลุกปั่นให้เกิดการจลาจลไปมอบให้สำนักงานตำรวจและกระทรวงต่างประเทศของยูเออี รวมทั้งจัดทำความตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับยูเออี
ล่าสุด ได้พบกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อธิบดีกรมเอเชีย และอธิบดีกรมการกงสุลของยูเออี จึงได้แจ้งถึงข้อเท็จจริงกรณีที่รัฐบาลไทยได้ยกเลิกหนังสือเดินทางทุกฉบับของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการออกหมายจับของ พ.ต.ท.ทักษิณในทุกคดี ทำให้รัฐบาลยูเออีรับทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินการที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อไทย
"การพบกันครั้งนี้ได้มอบจดหมายของชมรมมุสลิมไทยในกรุงเทพฯ ที่ได้ยื่นต่อสถานเอกอัครราชทูตยูเออีในประเทศไทยไปให้ด้วย เพื่อให้ทราบว่ามีการทำร้ายชุมชนชาวมุสลิมในกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ใหญ่ของกระทรวงต่างประเทศของยูเออีได้รับทราบ และยืนยันว่า จะไม่ยินยอมให้ใครก็ตามเข้ามาขับเคลื่อนทางการเมืองแล้วส่งผลความเสียหายต่อประเทศที่มิตรกับยูเออี" นายพนิช กล่าว
นายพนิช กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศของยูเออีได้แจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักในยูเออีในฐานะนักธุรกิจตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ทางการยูเออีได้แจ้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบแล้วว่าไม่เหมาะสมที่จะพำนักอยู่ในยูเออีอีกต่อไป เนื่องจากใช้ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ส่งผลกระทบต่อประเทศอื่น ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางออกจากยูเออีไปแล้วเมื่อค่ำวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่รู้ว่าไปยังประเทศใด
นายพนิช กล่าวว่า ทางยูเออีได้รับหมายจับในคดีต่าง ๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากตำรวจสากลแล้ว และยืนยันว่าจะไม่ยินยอมให้ใครเข้ามาใช้ประเทศขับเคลื่อนทางการเมืองโดยเด็ดขาด เพราะให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่าความสัมพันธ์กับคนคนหนึ่ง
"ทางยูเออีระบุว่าไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาในประเทศ และถ้าจะเข้ามาในประเทศนี้อีกด้วยหนังสือเดินทางของประเทศอื่นก็จะต้องมีการพิจารณาถึงเจตนาของการเข้าประเทศ ซึ่งทางการยูเออีสามารถควบคุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ เพราะมีหมายจับของ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว และยังถือสัญชาติไทย ตลอดจนยังใช้ชื่อเดิมอยู่ตามที่ปรากฏในหมายจับ จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกนำตัวดำเนินการตามกฎหมายประเทศของเขาที่สามารถนำไปสู่การส่งตัวกลับประเทศไทย ทั้งหมดนี้เป็นการใช้ช่องทางขั้นตอนทางการทูต" นายพนิช กล่าว