นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) อภิปรายในที่ประชุมร่วมรัฐสภาโดยตั้งข้อสังเกตต่อเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ว่า ถูกบิดเบือนข้อเท็จจริงและทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงตกเป็นจำเลยสังคมว่าสร้างความวุ่นวายให้แก่บ้านเมือง ทั้งที่จริงแล้วเหตุการณ์ต่างๆ ถูกรัฐบาลจัดฉากขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น กรณีรถแก๊ส, การเผารถเมล์, การยิงมัสยิดในซอยเพชรบุรี 5 และ 7 รวมทั้งชาวนางเลิ้งที่ถูกยิงเสียชีวิต
"พวกผมแสวงหามิตรในการชุมนุม ไม่ได้หาศัตรูในการชุมนุม...กรณีรถแก๊ส รถเมล์ นางเลิ้ง เพชรบุรี และการฆ่าคนที่สามเหลี่ยมดินแดงคงไม่จบแน่ การเอาฝ่ามือปิดแผ่นฟ้าคงจะไม่มิด" นายจตุพร กล่าว
ทั้งนี้ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติในกรณีรถแก๊สที่ถูกนำไปจอดย่านดินแดง และที่หน้าโรงแรมพูลแมน ซ.รางน้ำ โดยมีข้อมูลว่าแม้จะเป็นรถแก๊สจากคนละบริษัท แต่กลับพบว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทขนส่งแก๊สทั้ง 2 แห่งเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าเป็นการจัดฉากโดยหวังจะใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน
ส่วนกรณีเหตุเผารถเมล์นั้น ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงไปปล้นรถเมล์มาเผาจริงตามที่ถูกกล่าวหา เหตุใดผู้โดยสารหรือคนขับรถถึงไม่ไปแจ้งความ นอกจากนั้นในช่วงการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีทหารคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่หลายจุดทั่วกรุงเทพฯ นั้น เหตุใดถึงมีการขับรถเมล์เข้าไปกลางเมืองเพื่อจุดไฟเผาได้โดยง่าย ทั้งทีความจริงแล้วประชาชนหรือรถสักคนที่จะผ่านเข้าไปได้นั้นค่อนข้างยากลำบาก
ขณะที่เหตุยิงมัสยิดในซอยเพชรบุรี 5 และ 7 นั้น ยืนยันว่าคนเสื้อแดงหลายคนก็นับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะไปมีปัญหากับชาวมุสลิมด้วยการเข้าไปบุกยิงหรือสร้างความเสียหายตามที่ตกเป็นข่าว
"ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนเสื้อแดงจะไปมีปัญหากับคนเพชรบุรีซอย 5 ซอย 7...พวกเราไม่เลวพอที่จะมีปัญหากับศาสนิกชน ใครที่ยิงมัสยิดถือว่าเป็นคนเลว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสีไหนก็ต้องจับตัวมาดำเนินคดี" นายจตุพร กล่าว
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านย่านนางเลิ้งถูกยิงเสียชีวิตนั้น ถือว่ายังมีความโชคดีที่พี่ชายของผู้เสียชีวิตยังให้ความเป็นธรรมกับกลุ่ม นปช. เพราะได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า กระสุนปืนที่ยิงเข้ามานั้นไม่ได้มาจากฝั่งของผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่อยู่ห่างไปถึง 200 เมตร แต่เชื่อว่ากระสุนมาจากด้านข้างซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มใด
โดยจากทั้ง 4 เหตุการณ์นี้ ทางกลุ่ม นปช.ได้ตั้งรางวัลนำจับไว้กรณีละ 5 แสนบาท รวมทั้งหมด 2 ล้านบาท เพื่อหาตัวคนที่สร้างสถานการณ์ในการนำรถแก๊สไปจอด, คนปล้นรถเมล์, คนยิงมัสยิดในซอยเพชรบุรี และคนยิงชาวนางเลิ้ง
นายจตุพร กล่าวในท้ายสุดว่า ไม่ต้องการเห็นรัฐบาลดำเนินการ 2 มาตรฐานกับกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดง และขณะนี้อาจเริ่มเห็นการดำเนินการ 3 มาตรฐาน เพราะมีกลุ่มเสื้อน้ำเงินเข้ามาสร้างความวุ่นวายด้วยแต่กลับไม่ถูกออกหมายจับแต่อย่างใด โดยเชื่อว่าตราบใดที่ความยุติธรรมไม่มี ความสงบก็จะไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดียังยืนยันว่า กลุ่ม นปช.ยังคงยึดแนวทางสันติ สงบ และปราศจากอาวุธในการชุมนุมทุกครั้ง