นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การที่นายกรัฐมตรีตัดสินใจประกาศยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 6 จังหวัด โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนั้น เป็นเพราะได้รับรายงานยืนยันจากหน่วยงานด้านความมั่นคงแล้วว่าแนวโน้มของสถานการณ์หลังการก่อจลาจลของกลุ่มเสื้อแดงเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ดังนั้นจึงสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ตามปกติแล้ว
นอกจากนี้ จากที่รัฐบาลได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเรียกร้องจากประชาชนและชาวต่างชาติที่ต่างต้องการให้รัฐบาลเร่งยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเร็วเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของไทย
อีกทั้งแนวโน้มที่จะนำไปสู่การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงลดลง เนื่องจากแกนนำ นปช.คนสำคัญได้ถูกควบคุมตัวและเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีในคดีอาญาแล้ว ส่วนกลุ่มก่อความไม่สงบที่มุ่งปองร้ายนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และผู้นำชุมนุม เช่น กรณีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ขณะนี้ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
นายปณิธาน กล่าวว่า จากนี้ไปคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(กอฉ.) จะยุติบทบาทหน้าที่ไปโดยปริยาย และจะได้พิจารณาปรับลดกำลังเจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยให้น้อยลง แต่อาจคงไว้บางจุดที่ยังมีการร้องขอเป็นพิเศษ เช่น ชุมชนเพชรบุรีซอย 5 และ 7, ชุมชุนนางเลิ้ง และทำเนียบรัฐบาล เป็นต้น
อย่างไรก็ดี หากเกิดเหตุร้ายขึ้นหลังยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้ว รัฐบาลจะตัดสินใจกลับไปประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกทันทีหรือไม่นั้น คงต้องพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นการก่อจลาจลในลักษณะที่ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ตามปกติหรือไม่ อีกทั้งรัฐบาลเองก็มีกฎหมายที่สามารถใช้บังคับได้เช่นเดียวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เช่นกฎอัยการศึก หรือ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่สามารถใช้แทนได้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแปลคำประกาศยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่งไปยังสถานทูตของประเทศต่างๆ ที่ประจำในประเทศไทย รวมถึงสำนักข่าวต่างประเทศทุกแห่งด้วย