นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) เตรียมเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 50 ในมาตรา 190 และมาตรา 237 โดยยืนยันว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับนักการเมืองที่ไม่ได้มีความผิดจากการถูกยุบพรรค ส่วนคดีใดที่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีอาญาก็ยังคงให้เป็นไปตามขั้นตอน
"เราจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ความเป็นธรรม คนที่ไม่ได้ทำผิดแล้วมารับโทษ มันไม่ถูกต้อง...คดีอาญาไม่เกี่ยว คดีอยู่ที่ศาลอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกัน" หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุ โดยรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะออกเป็นบทเฉพาะกาลสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวหรือออกเป็นกฎหมายลูกก็ได้
อนึ่ง มาตรา 190 ในรัฐธรรมนูญปี 50 ระบุว่า ก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะไปลงนามในหนังสือสัญญากับนานาประเทศที่จะมีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ มีผลผูกพันทางการค้าการลงทุน หรืองบประมาณของประเทศ รวมถึงมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย จะต้องชี้แจงต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบก่อน
ส่วนมาตรา 237 ระบุว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่กระทำการหรือสนับสนุนให้ผู้อื่นฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.อันมีผลให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของบุคคลดังกล่าว และหากปรากฎหลักฐานว่าหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลยต่อการกระทำดังกล่าวให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น แลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้า และกรรมการบริหารพรรค 5 ปี
นายชุมพล กล่าวว่า พรรคฯ คงไม่ไปกำหนดกรอบเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งคงต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดที่ดำเนินการจะเห็นสมควร แต่ทั้งนี้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องทำประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเท่าที่ผ่านมาจากการลงประชามติรัฐธรรมนูญปี 50 จะเห็นได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบรายละเอียดของมาตราต่างๆ ในกฎหมายรัฐธรรมนูญเท่าที่ควร
ส่วนแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอาจจะไม่ยอมรับนั้น นายชุมพล กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะต้องให้ความเป็นธรรมแก่สังคม เพราะเชื่อว่าตราบใดที่มีความเป็นธรรมขึ้นในสังคมแล้ว ความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้