แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ที่บริเวณลานวัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง ตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น.โดยเป็นการจัดงานพบปะสังสรรค์ และไม่มีการเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมออกไปไหน
"แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้ตัดสินใจแล้วว่าจะมีการนัดชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงในวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ลานวัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง ซึ่งคนเสื้อแดงเคยใช้จัดโต๊ะจีนระดมทุน โดยงานจะเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น.-24.00 น. เพื่อพบปะสังสรรค์คนเสื้อแดงสักครั้งหนึ่ง ซึ่งรูปแบบของเวทีนั้นจะเป็นการพูดคุยและร้องเพลงเสียเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งมีอาหารเล็กน้อยๆ จากร้านอาหารคนเสื้อแดงที่จะมาจำหน่ายและบริการให้กับคนเสื้อแดงฟรี ซึ่งงานนี้ไม่ใช่งานระดมทุนเหมือนครั้งก่อน" นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำกลุ่ม นปช.กล่าว
นายวีระ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้จะไม่มีการเคลื่อนขบวน และจัดการชุมนุมโดยสงบ เชื่อว่าจะไม่กระทบกับเงื่อนไขการประกันตัวในชั้นศาล และกลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เคลื่อนขบวนไปประท้วงการประชุม รมต.สาธารณสุขอาเซียน ที่จะจัดในวันที่ 7-8 พ.ค.นี้
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช.อีกคน กล่าวว่า การชุมนุมใหญ่ที่วัดไผ่เขียวจะเป็นการค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีภาพที่สามารถอธิบายให้เห็นถึงละครลวงโลกฉากใหญ่ที่ได้เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง เช่น เหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 เม.ย.52 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยอ้างว่าตัวเองอยู่ในรถยนต์ที่ถูกทุบจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดนั้นเป็นจริงอย่างที่พูดหรือไม่
รวมถึงกรณีที่นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถูกคนเสื้อแดงทำร้ายที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งแท้จริงแล้วคนเสื้อแดงพยายามช่วยนายนิพนธ์ออกจากรถยนต์ต่างหาก หรือเรื่องของศพชายหนุ่มที่ถูกยิงตายที่ตลาดนางเลิ้ง ซึ่งเป็นศพที่สอง เพราะเห็นคนที่ยิงชายคนแรกแล้วพยายามไปบอกกับคนในชุมชนนางเลิ้ง
"แกนนำคนเสื้อแดงจะลำดับแหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เห็นว่ารัฐบาลนี้เป็นฆาตกรและทรราชย์ที่ไม่อาจจะให้บริหารประเทศต่อไปได้"นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวถึงผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารและระบุว่าจะเดินทางไปพักผ่อนในต่างประเทศชั่วคราวหลังว่า เป็นการพยายามประคับประคองสถานการณ์ หลังจากให้ลูกชายออกมาพูดเรื่องกลุ่มอำนาจใหม่ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร ซึ่งน่าแปลกใจที่นายสนธิที่ถูกดำเนินคดีไม่ต่างจากคนเสื้อแดงสามารถเดินทางออกนอกประเทศไทยได้ แต่สำหรับแกนนำคนเสื้อแดงกลับถูกห้ามไม่ให้ออกนอกประเทศ
ส่วนการจัดกิจกรรมรณรงค์"หยุดทำร้ายประเทศไทย"นั้น นายจตุพร กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของเครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทยนั้นเป็นสิ่งที่ดีและคนที่ริเริ่มทำเรื่องนี้ก็ได้รับความน่าเชื่อถือจากสังคนและคนเสื้อแดงตลอดมา แต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังหยิบฉวยการเคลื่อนไหวเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ โดยมีกลไกของมหาดไทยเข้าไปสวมรอย
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี แต่หากพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้วจะเห็นว่าโครงการดังกล่าวพยายามจะสื่อความหมายว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง คือ ผู้ที่ทำร้ายประเทศ หากรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการให้โครงการนี้เห็นผลเป็นรูปธรรมก็ควรแสดงความจริงใจ และไม่ทำไปเพื่อหวังผลประโยชน์แอบแฝงทางการเมือง
"ที่ผ่านมาคนเสื้อแดงไม่ได้ทำร้ายประเทศไทย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์นั้นยังมีข้อเท็จจริงบางอย่างที่ต้องได้รับการพิสูจน์ เราเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะเรียกร้องให้หยุดทำร้ายประเทศไทย แต่เราไม่เห็นด้วยที่เรียกร้องแล้วอยู่เฉยๆ เพราะที่ผ่านมาคนเสื้อแดงเห็นว่า มีกลุ่มอำนาจบางกลุ่มเขามาทำลายประชาธิปไตย มีการยึดอำนาจนิติบัญญัติ คุมอำนาจบริหาร และบีบบังคับกระบวนการตุลาการจนบิดเบี้ยว เพื่อให้ได้รัฐบาลบางชุดเข้ามา ดังนั้นในขณะที่อำนาจแฝงยังทำลายประชาธิปไตยคนเสื้อแดงคงหยุดการเคลื่อนไหวไม่ได้" นายณัฐวุฒิ กล่าว