นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว. นนทบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้กำหนดประชุมนัดแรก วันที่ 7 พ.ค.นี้ เพื่อกำหนดกรอบการทำงานเพื่อสร้างความสมานฉันท์ และจะหารือถึงการวางกรอบเกี่ยวกับเนื้อหา ระยะเวลา และประเด็นในการศึกษา รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ หากประเด็นที่ต้องแก้ไขเกิดความชัดเจนแล้ว คณะกรรมการฯ จะพิจารณาศึกษาแต่ละประเด็น โดยจะให้มีการเสนอความเห็นโดยอิสระไม่มีการชี้นำ กรอบระยะเวลาทำงานในระยะแรกประมาณ 45 วัน โดยจะรายงานผลการศึกษาให้ประชาชนทราบเป็นระยะ
"ทางประธานรัฐสภาต้องการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่คณะกรรมการฯเห็นว่าควรวางกรอบเวลาไว้...เพื่อให้ประชาชนทราบว่าสิ่งที่ทำไม่ใช่เกมซื้อเวลา แต่เป็นการคิดที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างจริงจัง โดยหากกรอบเวลาไม่พอคงต้องขอประธานรัฐสภาให้ขยายเวลาออกไป ซึ่งเชื่อว่ามาถูกทาง ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ว่ากันอีกที" นายดิเรก กล่าว
ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา 1 ในกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองสมานฉันท์และแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรจำกัดกรอบเวลาการทำงานในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียว เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครกล้าออกมายืนยันว่าเมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วความขัดแย้งจะยุติและเกิดความสมานฉันท์หรือไม่
คณะกรรมการฯ ต้องไม่หลงประเด็นว่ามีหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ทำหน้าที่ที่แท้จริงจะต้องสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะเป็นเพียงวิธีที่ถูกเกี่ยวโยงเพื่อนำมาพิจารณาวิธีบริการจัดการให้ตกผลึก เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถแก้วิกฤตชาติได้อย่างแท้จริง และต้องชี้แจงต่อประชาชนได้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดีกว่าเดิมหรือไม่ อย่างไร และแก้ไขเพื่อเป้าหมายใด
"ผมขอย้ำว่ากรรมการนี้ฯไม่ควรผูกขาดการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ที่กรรมการฯ ชุดนี้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องออกไปฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย หากประชาชนเห็นว่าการแก้ไขเป็นประโยชน์ จึงค่อยทำ ไม่ใช่รีบร้อนแก้ภายใน 30 วัน ทำแบบนั้นเป็นการตั้งธงชัดเจนเกินไป และกรรมการฯชุดนี้ควรมีหน้าที่ศึกษาเท่านั้นไม่จำเป็นต้องลงไปแก้รัฐธรรมนูญเอง เพราะถ้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ กรรมการฯชุดนี้ต้องรับผิดชอบ"นายสุรชัย กล่าว