สหรัฐอเมริกาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการสภาสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นครั้งแรก ส่วนประเทศอื่นๆที่ได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมาธิการดังกล่าวได้แก่ประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ได้แก่ จีน คิวบา และซาอุดิอาระเบีย
รายงานระบุว่า สหรัฐได้รับคะแนนเสียงจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นในสัดส่วน 167 เสียง จากสมาชิกทั้งหมด 192 ที่นั่ง ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดที่ไว้ว่าผู้ที่ได้รับการคัดเลือกต้องได้รับคะแนนเสียงสูงกว่า 97 เสียง โดยสถานภาพดังกล่าวของสหรัฐมีอายุ 3 ปีซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้เป็นต้นไป และจะทำงานร่วมกับอีก 17 ประเทศที่ได้รับการคัดเลือกให้ดำเนินนโยบายสิทธิมนุษยชน ซึ่งถือเป็นเจตนารมณ์ของจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ
ที่ผ่านมานั้น คณะทำงานของบุชไม่สนใจสนใจต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสภายูเอ็นที่ระบุว่า สหรัฐใจกว้างเกินไปที่เปิดโอกาสให้ประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนให้เข้ามีส่วนร่วมงานในสภาแห่งนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า สหรัฐจะหาลู่ทางปฏิรูปคณะทำงานยูเอ็นด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมในสภาสิทธิมนุษยชน
นางซูซาน ไรซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นกล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังจากสหรัฐได้รับเลือกให้นั่งในสภาสิทธิมนุษยชนว่า "เราขอบคุณทุกเสียงที่สนับสนุนให้สหรัฐก้าวขึ้นมามีบทบาทในแกนนำในองค์กรข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงสภาสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็น ซึ่งถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญในการพัฒนาสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย เราสนับสนุนสภาสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอดเพราะเล็งเห็นว่าทั้งคณะทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐและประชาชนชาวอเมริกันต่างอุทิศตัวเพื่อสิ่งนี้มาโดยตลอด"
สำหรับประเทศอื่นๆที่ได้รับคัดเลือกในสภาสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นครั้งนี้มีประเทศจากทวีแอฟริกาและยุโรปตะวันออกมากที่สุด โดยในฝั่งแอฟริกาได้แก่ประเทศเซเนกัล มอริเชียส ไนจีเรีย แคมารูน และจิโบติ ส่วนฝั่งยุโรปตะวันออกได้แก่ประเทศรัสเซีย และฮังการี
ในฝั่งละตินอเมริกันได้แก่ประเทศคิวบา เม็กซิโก และอุรุกวัย ส่วนในฝั่งเอเชียได้แก่ประเทศจีน บังคลาเทศ จอร์แดน คาซัคสถาน และซาอุดิอาระเบีย สำนักข่าวเกียวโดรายงาน