รัฐบาลออสเตรเลียกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกรณีที่งบใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพุ่งสูง ขณะที่ฝ่ายค้านวิจารณ์ว่ารัฐบาลจงใจเปิดเผยค่าใช้จ่ายดังกล่าวในวันเดียวกับที่มีการเปิดเผยงบประมาณเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชน
โดยเอกสารที่ยื่นต่อรัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ได้มีการเปิดเผยงบประมาณประจำปีของรัฐบาลกลางนั้น เผยให้เห็นว่าคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมตรีเควิน รัดด์ ได้ใช้เงินถึง 2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการเดินทางไปต่างประเทศเมื่อช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นายรัดด์ได้ออกมากล่าวปกป้องรัฐมนตรีของเขา ด้วยการออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การเดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องจำเป็น และค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ของรัฐบาลก็ไม่ได้สูงไปกว่าของรัฐบาลสมัยอดีตนายกฯจอห์น โฮเวิร์ด ซึ่งใช้เงินไปถึง 20 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เอกสารระบุว่า นายกรัฐมตรีเควิน รัดด์ เดินทางไปยัง 7 ประเทศ ขณะที่รองนายกฯ จูเลีย จิลลาร์ด เดินทางไปอเมริกา อังกฤษ และสิงคโปร์ พร้อมด้วยทีมงานอีก 4 คน ด้านรมว.กลาโหม พร้อมทีมงาน 5 คน เดินทางไปสหรัฐนานเกือบ 2 สัปดาห์ โดยให้เหตุว่าเป็นการเดินทางเพื่อไปหารือเรื่องปฏิบัติการทางทหาร
ลินด์เซย์ แทนเนอร์ รมว.คลัง เดินทางไปยุโรปเป็นเวลา 8 วัน เพื่อหารือเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาได้ออกมาแนะให้บรรดาข้าราชการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศด้วยการใช้เทคโนโลยีวิดีโอ-คอนเฟอเรนซ์แทน