ศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลสำรวจแบบเรียลไทม์ชี้ประชาชนร้อยละ 62.3 เห็นด้วยกับโครงการกู้เงิน 4 แสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่มีเพียงร้อยละ 37.7 เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย
"ประชาชนมากกว่าครึ่งหนึ่งคือร้อยละ 62.3 ระบุว่าเห็นด้วย ในขณะที่ประมาณหนึ่งในสามคือร้อยละ 37.7 ระบุไม่เห็นด้วย" นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคฯ ระบุในเอกสารเผยแพร่
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 91.0 ต้องการให้รัฐบาลนำเงินกู้ดังกล่าวไปปรับปรุงด้านการรักษาพยาบาลให้กับประชาชน รองลงมาร้อยละ 90.9 ต้องการให้นำไปใช้ในด้านการสร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชน, ร้อยละ 88.4 ระบุกระตุ้นธุรกิจและอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ในประเทศ, ร้อยละ 67.6 ระบุให้ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค และร้อยละ 35.1 ระบุให้ปล่อยเงินกู้กับประชาชน
"ผลสำรวจในครั้งนี้พบว่าประชาชนเกินครึ่งค่อนข้างมั่นใจและมั่นใจมากว่ารัฐบาลจะสามารถนำพาประเทศให้พ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ ในขณะที่ร้อยละ 45.8 ยังไม่ค่อยมั่นใจและไม่มั่นใจเลย เมื่อพิจารณาคะแนนค่าเฉลี่ยความพึงพอใจต่อการทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยภาพรวมพบว่าได้ 6.11 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน"นายนพดล ระบุ
ผลสำรวจยังพบว่าธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ประชาชนคิดว่ารัฐบาลควรกระตุ้นหรือให้การส่งเสริมนั้น ร้อยละ 98.4 ต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมด้านการศึกษา รองลงมาคือ ร้อยละ 96.5 ด้านสุขภาพอนามัยของประชาชน, ร้อยละ 96.4 การประกอบอาชีพของประชาชนโดยตรง, ร้อยละ 91.4 การท่องเที่ยว, ร้อยละ 89.1 ธุรกิจนำเข้าส่งออก, ร้อยละ 81.1 ธุรกิจ/อุตสาหกรรมด้านอาหาร นอกจากนี้ประชาชนยังต้องการให้รัฐบาลกระตุ้นหรือส่งเสริมธุรกิจ/อุตสาหกรรมด้านอื่นๆ อาทิ ที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์
ประชาชนร้อยละ 17.6 เห็นว่าเงินกู้ดังกล่าวนั้นรัฐบาลควรนำไปแก้ไขเศรษฐกิจระดับระดับครัวเรือนเป็นหลัก ขณะที่ร้อยละ 15.3 ระบุเน้นการแก้ไขเศรษฐกิจในระดับประเทศเป็นหลัก แต่ความเห็นส่วนใหญ่ประมาณสองในสามคือร้อยละ 67.1 ระบุต้องการให้เน้นการแก้ไขเศรษฐกิจทั้งระดับครัวเรือนและระดับประเทศ
ส่วนแหล่งที่มาของเงินกู้นั้น ประชาชนร้อยละ 47.4 เห็นว่ารัฐบาลควรกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ ขณะที่ร้อยละ 10.2 เห็นว่าควรจะเป็นแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศ และร้อยละ 42.4 มองว่าควรกู้จากทั้งสองแหล่ง
อนึ่ง เอแบคโพลล์ได้สำรวจความเห็นจากประชาชนใน 17 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 1,271 ครัวเรือน เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา