ประธานาธิบดีลี เมียง-บัค ของเกาหลีใต้ อาจต้องเผชิญศึกหนักในการเยียวยาบาดแผลทางการเมืองที่เกิดขึ้น หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโนห์ มู เฮียน ถึงแก่อสัญกรรมจากการกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ชอย จิน ประธานสถาบันผู้นำประธานาธิบดีกล่าวว่า "รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องดำเนินงานทางการเมืองอย่างสุขุมรอบคอบ เพราะการทำอะไรที่มากจนเกินพอดีนั้นอาจจุดกระแสต่อต้านรัฐบาลขึ้นมาได้"
ขณะเดียวกัน ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮานชินในกรุงโซล กล่าวว่า "เกาหลีใต้จะเผชิญความวุ่นวายอย่างแน่นอน และกิจกรรมทางการเมืองจะเผชิญผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในการจากไปของอดีตผู้นำคนสำคัญ"
ทั้งนี้ โนห์ มู เฮียน อดีตผู้นำของเกาหลีใต้วัย 62 ปี ซึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ขาวสะอาดนั้นได้ตัดสินใจปลิดชีวิตด้วยการโดดหน้าผาลงมา ในขณะที่เขากำลังอยู่ระหว่างการถูกสอบสวนในข้อหาเกี่ยวกับการรับเงินสินบนและเลี่ยงภาษี โดยเขาได้เขียนจดหมายลาตายว่า หากเขายังมีชีวิตต่อไปก็มีแต่จะสร้างภาระให้กับผู้อื่น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปัจจุบันนี้นายลีต้องบริหารประเทศท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่รุมเร้า ทั้งวิกฤตการเงินทั่วโลก และการตัดสินใจเริ่มนำเข้าเนื้อจากสหรัฐ ซึ่งกระตุ้นให้ประชาชนหลายหมื่นคนออกมาประท้วงตามท้องถนนเนื่องจากหวั่นเกรงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อวัวบ้า ขณะที่เศรษฐกิจเกาหลีใต้ตกลง 5.1% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้น 0.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2548
โดยขณะนี้คะแนนนิยมของนายลีอยู่ที่ 26.7% ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.7% จากเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่คะแนนนิยมในพรรคมีอยู่ 24.2% เมื่อเทียบกับ 15.7% ของพรรคฝ่ายค้านของเกาหลีใต้