จีนซึ่งมีความสามารถในการดำเนินการกับเกาหลีเหนือด้วยการตัดช่องทางการส่งอาหาร เชื้อเพลิง และสินค้าฟุ่มเฟือย ที่นายคิม จอง อิล ผู้นำของเกาหลีเหนือมักจะใช้เป็นเครื่องกำนัลแก่ผู้ที่ให้ความจงรักภักดีแก่ตนเอง การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือครั้งนี้อาจจะทำให้เกิดสถานการณ์ของการทดสอบเรื่องการใช้อำนาจ และทดสอบดูว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อผู้นำในภูมิภาคเอเชียอย่างจีน
จีนเองก็เอือมระอากับการกระทำที่ท้าทายมติควบคุมโครงการอาวุธและขีปนาวุธขององค์การสหประชาชาติของเกาหลีเหนือมากขึ้นเรื่อยๆ และยังเป็นห่วงด้วยว่า ความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนืออาจจะทำให้เกิดสถานการณ์การแข่งขันสะสมอาวุธในภูมิภาคเอเชีย จนกระทั่งถึงขณะนี้ จีนไม่ได้เดินตามรอยสหรัฐและญี่ปุ่นที่ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการใช้มาตรการลงโทษผู้นำเกาหลีเหนือมากกว่านี้ โดยเฉพาะมาตรการลงโทษทางด้านเศรษฐกิจ จีนเพียงแต่เห็นด้วยกับการใช้มาตรการคว่ำบาตรของยูเอ็นต่อบริษัทเอกชนของเกาหลีเหนือและการนำเข้าอาวุธของเกาหลีเหนือ
เดนนิส ไวลเดอร์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียให้กับคณะความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่า จีนอาจจะมาถึงจุดที่มุมมองต่อเกาหลีเหนือเปลี่ยนแปลงไป แต่คราวนี้การเปลี่ยนแปลงบทบาทผู้นำของจีนต่อเกาหลีเหนืออาจจะไม่ชัดเจนว่า จีนจะใช้มาตรการแบบใดกับเกาหลีเหนือ ซึ่งโดยปกติแล้ว อิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนที่มีต่อเกาหลีเหนือนั้นถือได้ว่า จีนมรีอิทธิพลในด้านนี้มาก และมีอำนาจเหนือเกาหลีเหนือมากขึ้น โดยการค้าระหว่างประเทศของจีนกับเกาหลีเหนือคิดเป็นสัดส่วนถึง 73% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นจากระดับปี 2536 ที่มีแค่ 2 ใน 3
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดอง ยอง ซุง นักวิจัยเรื่องเกาหลีเหนือของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจซัมซุง กล่าวว่า ที่ผ่านมา จีนได้จัดหาน้ำมันเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานในเกาหลีเหนือได้ 90% และยังจัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคให้ในสัดส่วน 80% และอาหารอีก 45% โดยจีนเองก็ไม่อยากใช้มาตรการแข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ผู้นำของเกาหลีเหนือคนต่อไปจะไม่ให้ความสนใจจีน และอาจจะทำให้เกาหลีเหนือล่มสลาย ทั้งที่เกาหลีเหนือเป็นพันธมิตรของจีนมาตลอดในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา