กอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษกำลังเผชิญวิกฤตความแตกแยกภายในคณะรัฐมนตรี หลังคะแนนนิยมของพรรครัฐบาลทรุดฮวบตามหลังพรรคฝ่ายค้านเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ขณะที่รัฐมนตรีบางคนก่อคดีอื้อฉาวเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณไปใช้ในเรื่องส่วนตัว
โดยเมื่อวานนี้ นางแจ็คกี้ สมิธ รัฐมนตรีมหาดไทยประกาศวานนี้ว่าเธอจะลาออกจากตำแหน่ง พร้อมเรียกร้องให้นายอลิสแตร์ ดาร์ลิ่ง รัฐมนตรีคลังลงจากเก้าอี้รัฐมนตรีคลังด้วย ทำให้ขณะนี้ผู้นำอังกฤษต้องเตรียมแผนการปรับครม.พร้อมทั้งพิจารณาสรรหาผู้ที่มาดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไป
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การปลดนายดาร์ลิ่งออกจากตำแหน่งที่ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดอันดับ 2 ของคณะรัฐมนตรีนั้นสะท้อนให้เห็นถึงสถานะที่สั่นคลอนของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำรอยกับสมัยที่นางมากาเร็ต แธตเชอร์ เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่อ 19 ปีก่อน
ฟิลิป คาวลีย์ ศาสตราจารย์ด้านการเมืองจากมหาวิทยาลัยนอตติ้งแฮมกล่าวว่า "หากมีการปรับคณะรัฐมนตรี และนายดาร์ลิ่งต้องออกจากตำแหน่งจริง บรรยากาศทางการเมืองจะต้องวุ่นไม่น้อยแน่"
ทั้งนี้ นายดาร์ลิ่ง นักการเมืองวัย 55 ปี มีบทบาทสำคัญในคณะรัฐมนตรีนับตั้งแต่พรรคแรงงานขึ้นบริหารประเทศในปี 2540 โดยเขาและบราวน์ได้ที่นั่งในสภาด้วยกัน อีกทั้งยังคร่ำหวอดในสังเวียนการเมืองเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม การปรับคณะรัฐมนตรีของอังกฤษจะเปิดโอกาสให้บราวน์หาทางเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นภายในพรรคแรงงาน หลังจากผลสำรวจที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ชี้ว่าพรรคแรงงานมีคะแนนนิยมน้อยกว่าพรรคอนุรักษ์นิยม และพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี
นิก เคลกก์ ผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตยกล่าวว่า "ประชาชนจะถามตัวเองว่าพวกเขาจะรับได้ไหมถ้าให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศต่อไป เพราะขณะนี้ประชาชนมองว่า ความยุ่งเหยิงทางการเมืองยังไม่ได้รับการสะสางให้ดีขึ้น"