นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า กรรมการสมานฉันท์ใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว โดยคาดว่าจะส่งผลศึกษายังประธานรัฐสภาและรัฐบาลได้ในวันที่ 22 มิ.ย.เพื่อให้ฝ่ายบริหารดำเนินการปฏิรูปการเมืองต่อเป็นภาพที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างความสมานฉันท์ คือ จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น 2 ระยะ ระยะแรกเป็นระยะเร่งด่วน เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งและอุปสรรคของฝ่ายบริหารคือ แก้มาตรา 190 กรณีรัฐบาลลงนามในหนังสือสัญญาจะต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา และมาตรา 237 เรื่องบทลงโทษของกรรมการบริหารพรรคที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งว่าจะต้องได้รับโทษถึงยุบพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปีหรือไม่ โดยใช้รัฐสภาเป็นฝ่ายแก้ตามกระบวนการในมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญพิจารณาเป็น 3 วาระ ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 เดือน จากนั้นถึงมาพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการเมืองซึ่งอาจรวมถึงที่มา ส.ส. และ ส.ว.โดยให้ ส.ส.ร.3 เป็นฝ่ายแก้
นายชินวรณ์ กล่าวว่า ความเห็นของพรรคประชาธิปัตย์ยังขัดแย้งกันอยู่ แต่ส่วนตัวเห็นว่าควรจะแก้แบบนี้ และเมื่อมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.3) ก็จะได้พิจารณาว่าควรจะยุบสภาในช่วงไหนที่เหมาะสมที่สุด
วันนี้ คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ได้พิจารณาผลสรุปของคณะอนุกรรมการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยประเด็นที่เป็นที่สนใจ คือ มาตรา 237 กรรมการส่วนใหญ่เห็นด้วยให้แก้รัฐธรรมนูญ โดยกรรมการบริหารพรรคที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งไม่ต้องมีความผิดโทษถึงยุบพรรค แต่ให้เป็นความผิดเฉพาะตัวและต้องเพิ่มโทษมากกว่าการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี แต่ทั้งนี้กรรมการยังไม่มีมติเนื่องจากมีผู้เข้าร่วมประชุมน้อย
นอกจากนี้ ยังที่ประชุมยังแสดงความเห็นบทสรุปกรณีคณะอนุกรรมการเสนอให้เปลี่ยนที่มาของ ส.ส.จากเขตใหญ่ในปัจจุบันเป็นเขตเล็กเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 โดย ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่เห็นด้วยให้เปลี่ยนเป็นเขตเล็ก แต่พรรคประชาธิปัตย์ให้ยืนเป็นเขตใหญ่เนื่องจากซื้อเสียงได้ยาก ซึ่งที่ประชุมจะเลื่อนการลงมติเป็นวันพรุ่งนี้