นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา อภิปรายต่อที่ประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ ยืนยันการคัดค้าน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วงเงิน 4 แสนล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าการออก พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวของรัฐบาล เป็นการเลี่ยงกระบวนการในวิธีพิจารณางบประมาณตามปกติ โดยอ้างเหตุผลของความจำเป็นที่ต้องเร่งรีบกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในโครงการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งน่าห่วงว่าจะเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตได้
"เราเห็นว่าการที่รัฐบาลต้องการใช้เงินเร็ว แล้วเลี่ยงการให้เป็นเงินในงบประมาณตามปกติ ทั้งๆ ที่มีทางเลือกที่จะทำได้ คือ การแก้ไข พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ และ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ แน่นอน เป็นเรื่องที่ยาก แต่หากชี้แจง ผมเชื่อว่าจะทำความเข้าใจได้ และจะเป็นการทำตามตรอกออกตามประตูมากกว่า ซึ่งสิ่งที่น่าห่วงที่สุดคือการนำมาซึ่งความรั่วไหล" นายคำนูณ กล่าว
และมองว่ารัฐบาลเห็นรัฐสภาเป็นเพียงสถานที่ประกอบพิธีกรรมในการนำกฎหมายกู้เงินเข้ามาเพื่อให้กฎหมายผ่านไปเท่านั้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วควรจะให้ที่ประชุมสภาฯ ได้พิจารณาลงไปถึงโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ด้วย
นายคำนูณ ยังแสดงความกังวลว่าหน่วยงานราชการต่างๆ จะสามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งระหว่างปีงบประมาณ 53-55 ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะจะเห็นได้ว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนช่วง 9 เดือนในปีงบประมาณ 52(ต.ค.51-มิ.ย.52) สามารถเบิกจ่ายได้เพียง 30.79% เท่านั้น และจะมั่นใจได้อย่างไรว่ารัฐบาลในฐานะที่กำกับดูแลการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการต่างๆ จะบริหารการเบิกจ่ายงบประมาณให้แต่ละหน่วยราชการสามารถเบิกจ่ายได้ทันการ
พร้อมเห็นว่า การทำหน้าที่ ส.ว.ที่จะต้องพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงินฉบับดังกล่าว ถือเป็นการอนุมัติงบลงทุนในโครงการต่อเนื่องกันถึง 3 ปีงบประมาณ ในขณะที่สถานการณ์เมืองไทยในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากรัฐบาลชุดนี้นั้น จึงต้องคิดให้รอบคอบ เพราะตราบใดที่รัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ภายใต้การบริหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ไม่น่าเป็นห่วง แต่หากในช่วง 3 ปีจากนี้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลชุดใหม่ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบปฏิบัติภายใต้โครงการลงทุนดังกล่าว
"รมว.คลัง บอกว่าต้นปี 53 งบในโครงการทั้งหมด 1.5 ล้านล้านบาทจะเริ่มนับหนึ่ง ท่านอาจจะบอกว่าไม่ห่วง มันเริ่มเดินหน้า จะมีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ หรือท่านจะกลับมาใหม่หรือไม่ ไม่เป็นไร แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นไร ผมเชื่อมั่นในตัวท่านนายกฯ และ รมว.คลัง ตราบใดที่เป็นผู้คุมระเบียบนี้ แต่ผมไม่เชื่อมั่นหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแล้วมีรัฐบาลชุดใหม่ ระเบียบนี้จะยังคงอยู่หรือไม่ ผมเกรงท่านกำลังเสียค่าโง่ตั้งโต๊ะบุฟเฟ่ต์ให้รัฐบาลใหม่กินกันหรือไม่" นายคำนูณ กล่าว