นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้มีมติเห็นชอบกรอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-กาตาร์ และอนุมัติให้ รมว.ต่างประเทศ หรือผู้ได้รับมอบอำนาจ ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
ทั้งนี้ รัฐบาลมองว่ากาตาร์ได้เพิ่มบทบาทสำคัญในเวทีการเมืองระหว่างประเทศด้านต่างๆ มากขึ้น และถือเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ มีแหล่งก๊าซธรรมชาติมากที่สุดรองจากประเทศรัสเซียและอิหร่าน โดย บมจ.ปตท.(PTT)และ บริษัท กาต้าร์ก๊าซ ซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติหลักของกาตาร์ ได้ลงนามข้อตกลงก่อนการทำสัญญาซื้อขาย ซึ่งกาตาร์จะจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเหลวให้ไทยในปริมาณ 1 ล้านเมตริกตัน/ปี คาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้ในปี 54
นอกจากนี้ กาตาร์เป็นประเทศที่มีกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก และถือเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกน้อยกว่าประเทศอื่น ในคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ กาตาร์ยังมีที่ตั้งสถานีโทรทัศน์ Al Jazeera และประสบความสำเร็จในการเป็นผู้เจรจาสันติภาพ ในกรณีความขัดแย้งของประเทศเลบานอน และ ดาร์ฟูร์
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในปี 53 ไทยและกาตาร์ จะร่วมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 30 ปี ซึ่งกาตาร์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนไทยในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสนับสนุนไทยในเวทีประชาคมมุสลิมระหว่างประเทศด้วย