นายกรัฐมนตรี ชี้กรณี ส.ส.ขายหุ้นในกิจการที่รับสัมปทานจากรัฐออกไปก่อนจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีไม่น่าเป็นเรื่องขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่หากถึงที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องยอมรับ
"หากขายก่อนก็ไม่ได้ถือว่าทำผิดกฎหมาย ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก็ยังสามารถทำได้" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อวานนี้(23 มิ.ย.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติยกคำร้องการสอบสวนการถือครองหุ้นในบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐของ ส.ส.17 ราย เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งจากเหตุยุบพรรค และขอลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว และเลื่อนการพิจารณาคำร้องของ ส.ส.อีก 44 ราย ออกไปอีก 15 วัน เพื่อขยายเวลาให้อนุกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม
ส.ส.ทั้ง 44 ราย ประกอบด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย 23 คน, ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน 8 คน, ส.ส.พรรคภูมิใจไทย 3 คน, ส.ส.พรรคประชาราช 3 คน, ส.ส.พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 2 คน, ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน, ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน และ ส.ส.พรรคกิจสังคม 1 คน
ในจำนวนดังกล่าวมี ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรี 6 คน ได้แก่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี, นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน, นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน, นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม, นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย
ส่วนจะมีการเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 เรื่องการถือครองหุ้นของนักการเมืองหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องรอดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน และยอมรับว่าเจตนารมย์ตามกฎหมายเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดี