ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 1 อย่างไม่เป็นทางการ ผู้สมัครหมายเลข 1 นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ จากพรรคเพื่อไทย(พท.) ได้คะแนน 124,327 คะแนน ส่วนหมายเลข 2 นางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) ได้คะแนน 76,435 คะแนน ตามหลังนายสุรชาติ 47,892 คะแนน
โดยมีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์จำนวน 210,610 คน จากผู้มีสิทธิ์ทั้งหมดจำนวน 340,766 คน หรือคิดเป็น 61.80% โดยมีบัตรเสีย 2,912 ใบ คิดเป็น 1.38% มีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 6,936 คน คิดเป็น 3.29%
ส่วนการร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง พบว่าในขณะนี้มีทั้งหมด 5 เรื่อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน และคาดว่าจะสามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 15 วัน
ทั้งนี้พรรค พท.ได้ชนะการเลือกตั้งซ่อมเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้สมัครของพรรคชนะการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่เขต 3 จังหวัดสกลนครมาแล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรค พท.กล่าวว่า การที่พรรคชนะการเลือกตั้งเป็นผลจากนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ช่วยเหลือคนจนและประชาชน และชัยชนะ 2 ที่นั่งในการเลือกตั้งซ่อม จ.สกลนคร และศรีสะเกษแสดงให้เห็นว่า นโยบายของพรรค พท.ดีกว่าพรรคอื่น
ด้าน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ ส.ส.นนทบุรี พรรค พท. เชื่อว่า หลังจากพรรคชนะการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความฮึกเหิม แต่จะทำให้เกิดความสามัคคีภายในพรรคมากขึ้น และแกนนำเห็นพ้องกันว่า หลังจากนี้จะปรับพรรคให้เป็นระบบ ไม่ใช่ขึ้นกับใครคนใดคนหนึ่ง
ส่วนการถวายฎีกาเพื่อขออภัยโทษให้แก่อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาทหรือกดดันสถาบัน แต่เป็นการขอพึ่งพระบารมี เพราะแนวทางการแก้วิกฤตประเทศต้องยึดหลักการให้อภัย และ ส.ส.พรรค พท.ทุกคนต่างจงรักภักดีทั้งสิ้น
ขณะที่นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ สส.ศรีสะเกษ ในฐานะ ผอ.เลือกตั้งซ่อม จ.ศรีสะเกษ พรรค พท. กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้โทรศัพท์มาหาระหว่างรอลุ้นผลการเลือกตั้ง โดยแจ้งว่าให้ตนเองพร้อมทีมเลือกตั้ง จ.ศรีสะเกษ และสกลนคร ตลอดจน ร.ต.อ.เฉลิม รวมแล้วประมาณ 10 คน เดินทางไปพบที่ดูไบ ซึ่งคาดว่าจะเดินทางในอีก 2 สัปดาห์หลัง กกต.รับรองผลการเลือกตั้งซ่อมแล้ว
นอกจากนี้ยังได้เตรียมแบบฟอร์มการลงนามถวายฏีกาขอให้อภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งมาร่วมลงรายมือชื่อพร้อมกัน โดยคาดว่าจะมีประชาชนไม่น้อยกว่า 1 แสนคนในเขตเลือกตั้งมาร่วมลงชื่อ และที่ จ.ขอนแก่น ไม่น่าจะต่ำกว่า 5 แสนคน