นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายฯ ออกมาปฎิเสธข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในแถบแปซิฟิก โดยเฉพาะล่าสุดมีรายงานข่าวว่าเข้าเจรจากับประเทศฟิจิเพื่อขอลี้ภัยทางการเมือง พร้อมแนะรัฐบาลควรเอาเวลาไล่ล่าอดีตนายกรัฐมนตรไปทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศจะดีกว่า
"วันนี้ผมได้โทรศัพท์คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านกลับมาพักอยู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว ไม่ได้ไปอยู่ประเทศตองกาหรือเร่ร่อนต่างในประเทศแถบแปซิฟิกตามที่เป็นข่าว ส่วนการเดินทางที่ผ่านมาท่านไปพบปะผู้นำประเทศและเก็บข้อมูลการลงทุนเท่านั้น" นายนพดล กล่าว
ส่วนกรณีที่หนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เจรจากับนายกรัฐมนตรีฟิจิและหัวหน้าคณะรัฐประหารฟิจิ ที่จะนำเงิน 300 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8,000ล้านบาท เข้าไปลงทุนแลกกับการขอลี้ภัยภายใต้เงื่อนไขต้องไม่ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศนั้น นายนพดล กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ฝากชี้แจงข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ การไปพบนายกรัฐมนตรีฟิจิเป็นเพียงการเข้าพบเพื่อขอข้อมูลในการลงทุนโครงการเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่การลงทุนขนาดใหญ่ถึง 8,000 ล้านบาท ไม่ได้เป็นการเจรจาเพื่อขอลี้ภัยกับนายกรัฐมนตรีฟิจิ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าไม่มีความคิดที่จะลี้ภัยทางการเมือง เพราะที่ผ่านเมื่อครั้งไปอยู่ประเทศอังกฤษและเคยยื่นเรื่องขอลี้ภัยที่อังกฤษก็ได้ตัดสินใจขอถอนเรื่องออกมา
ส่วนกรณีที่คนในรัฐบาลและสื่อต่างประเทศระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชื่อปลอมในการทางเข้าประเทศต่างๆ นั้น นายนพดล กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลที่รู้จักกันทั่วโลก ไปที่ไหนก็มีคนขอลายเซ็น จึงขอฝากไปยังรัฐบาลว่ารัฐบาลควรจะเอาเวลาปล่อยข่าว ไปแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประเทศ
ที่ปรึกษากฎหมายฯ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามที่จะใช้ช่องทางต่างๆ ในการล่าตัวอดีตนายกรัฐมนตรีกลับมาดำเนินคดี แต่ที่ผ่านมาหลายๆ ประเทศเข้าใจในสถานการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย เพราะรัฐบาลให้ข้อมูลเท็จและเวลาที่ทางการประเทศต่างๆ ขอข้อมูลเพิ่มเติมก็ไม่สามารถให้ได้
และล่าสุดทราบมาว่ารัฐบาลใช้วิธีการเจรจาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล(จีทูจี)ในการขอนำตัวอดีตนายกรัฐมนตรีกลับประเทศ เพราะไม่สามารถดำเนินผ่านสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนและไม่สามารถขอความร่วมมือจากตำรวจสากลในการจับกุมตัวส่งกลับประเทศไทยได้