นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังมั่นใจว่า การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติให้ 13 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์พ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.อันเนื่องจากถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานรัฐ หรือหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชนนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะเชื่อว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในท้ายสุดแล้วว่า ส.ส.ทั้ง 13 คนพ้นสมาชิกภาพจริง และมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น ก็ยังมั่นใจว่าจะได้ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์กลับเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรได้ใหม่
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นที่ ส.ส.ของประชาธิปัตย์ทั้ง 13 คนจะต้องรีบลาออกก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย พร้อมเห็นว่าในอนาคต ส.ส.ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการถือหุ้นในบริษัทต่างๆ เพราะถือว่าเป็นเรื่องอันตราย
"ไม่คิดว่ากระทบ(เสถียรภาพรัฐบาล) มั่นใจว่า ส.ส.ของเราจะกลับมา และไม่คิดว่าจะทำให้ถึงเวลาเลือกตั้งที่เร็วขึ้น" นายกรัฐมนตรี ระบุ
ทั้งนี้ รัฐบาลจะรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนของ ส.ว.ทั้ง 16 คนที่ถูก กกต.วินิจฉัยในความผิดเดียวกันก่อน เพื่อนำมาเป็นแนวทางว่ารัฐบาลจะดำเนินการกับ ส.ส.ทั้ง 13 คนต่อไปอย่างไร ส่วนกรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นหนึ่งใน 13 ส.ส.นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องรอฟังคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการกระทำของกลุ่มเสื้อแดงที่มีการพกพาวุธและไปปิดล้อมทางเข้าออกสนามบินเชียงใหม่เพื่อขัดขวางการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจของนายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลังเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เป็นการกระทำที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งการพกพาอาวุธถือว่าไม่ใช่การเคลื่อนไหวตามแนวทางประชาธิปไตย เพราะหากกลุ่มเสื้อแดงชุมนุมด้วยความสงบก็จะไม่เกิดปัญหา แต่อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทราบว่าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว