เอแบคโพลล์ เผยแนวโน้มความสุขมวลรวมของประชาชนภายในประเทศ(GDH) ลดลงอย่างมากจาก 7.15 ในต้นเดือน มิ.ย.52 เหลือ 5.92 ในการสำรวจล่าสุดต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคนไทยมีความสุขมากสุดในเรื่องความจงรักภักดี และมีความสุขน้อยสุดในเรื่องบรรยากาศทางการเมือง
"ความสุขมวลรวมของประชาชนภายในประเทศขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากกว่าเรื่องปากท้องเพียงอย่างเดียว และในการวิจัยยังพบด้วยว่า ประชาชนที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงแท้จริงจะมีความสุขมากกว่าคนที่ใช้ชีวิตแบบไม่พอเพียงประมาณ 4 เท่า" นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ระบุในเอกสารเผยแพร่
โดยผลวิจัยพบว่า คนไทยมีความสุขน้อยสุดในเรื่องบรรยากาศทางการเมือง 2.87, หลักธรรมาภิบาลและการบริหารจัดการของรัฐบาล 3.61, สภาวะเศรษฐกิจระดับประเทศ 4.06, ความเป็นธรรมทางสังคม 4.26 และสภาวะเศรษฐกิจระดับครัวเรือน 5.19
ขณะเดียวกันคนไทยมีความสุขมากสุดในเรื่องความจงรักภักดี 9.24, ครอบครัว 7.67, สุขภาพกาย 7.35, สุขภาพใจ 7.26, วิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณี 7.13, ความพอใจในงาน 7.07, การบริการทางแพทย์ 6.39, บรรยากาศภายในชุมชนที่พักอาศัย 6.32, สภาพแวดล้อม 6.18 และการศึกษา 6.17
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ 88.3% เห็นว่าความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข
ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน ยังเสนอแนะให้รัฐบาลพร้อมด้วยกลไกรัฐและสื่อมวลชนเร่งรณรงค์แบบบูรณาการใช้ตัวชี้วัดความก้าวหน้าของสังคมด้านอื่นๆ มากกว่าตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจด้วยจีดีพี(GDP) เพียงอย่างเดียว เช่น ความเป็นธรรมในสังคม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน วัฒนธรรมประเพณี สภาพแวดล้อม สุขภาพกาย สุขภาพใจ ความซื่อสัตย์สุจริต คุณธรรม คุณภาพเยาวชน และความเข้มแข็งของครอบครัวและชุมชน เป็นต้น
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน ไดทำวิจัยเรื่องศึกษาแนวโน้มดัชนีความสุขมวลรวมของประชาชนภายในประเทศ จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนใน 27 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 6,856 ครัวเรือน ระหว่างวันที่ 8-15 ก.ค.ที่ผ่านมา