In Focusศึกเลือกตั้งแดนปลาดิบ ผลพวงจากวิกฤตศรัทธา-เศรษฐกิจ..บทพิสูจน์อนาคตลูกพระอาทิตย์

ข่าวต่างประเทศ Thursday July 23, 2009 13:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในที่สุด นายทาโร่ อาโสะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นก็ต้องประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อปูทางสู่การจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 30 สิงหาคม ทั้งที่ นายอาโสะ ได้ขึ้นมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของญี่ปุ่นต่อจากนายยาสุโอะ ฟูกุดะ ได้ไม่ถึง 1 ปี หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่สามารถรับมือกับแรงกดดันทั้งจากประชาชนชาวญี่ปุ่นและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแดนปลาดิบที่ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้

ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายสำนัก รวมทั้งโพลล์สำรวจความเห็นประชาชนเมื่อเร็วๆนี้ บ่งชี้ไปในทำนองเดียวกันว่า จะเป็นการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจทางการเมืองครั้งสำคัญของญี่ปุ่น เพราะพรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน มีโอกาสสูงที่จะกวาดเสียงข้างมากและเข้ามาทำหน้าที่รัฐบาลแทนที่พรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพีที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาเป็นเวลายาวนานมากกว่า 50 ปี

สาเหตุที่พรรคแอลดีพีไม่น่าจะรักษาคะแนนเสียงส่วนใหญ่เอาไว้ได้ และอาจจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบต่อพรรคดีพีเจในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง มาจากวิกฤตศรัทธาต่อภาวะการขาดความเป็นผู้นำของนายอาโสะ นโยบายที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายในพรรคได้ เรื่องอื้อฉาวของคนใกล้ตัวนายอาโสะ และความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในพรรคแอลดีพี

ความวุ่นวายและความขัดแย้งภายในพรรคที่มีต่อประเด็นการเป็นผู้นำของนายอาโสะเกิดขึ้นนับตั้งแต่พรรครัฐบาลพ่ายแพ้การเลือกตั้งสภาเทศบาลกรุงโตเกียวให้แก่พรรคฝ่ายค้าน ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์นายอาโสะจากสมาชิกภายในพรรคแอลดีพีอย่างหนัก และผลที่ตามมาคือ การเมืองภายในพรรคที่บีบให้นายอาโสะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เนื่องจากลูกพรรคเกรงว่าหากนายอาโสะยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ต่อไป อาจทำให้พรรคแอลดีพีพ่ายศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ได้

จะว่าไป ทุกรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็มักจะมีเรื่องขายหน้า ในรัฐบาลอาโสะก็มีเช่นกัน เมื่อนายโชอิจิ นาคากาว่า รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นมีอาการเมาสุราในระหว่างการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม G-7 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยรมว.คลังออกมาระบุว่า ตนเองรับประทานยาแก้หวัดมากเกินไป และเหนื่อยจากการเดินทางไกล แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า รมว.คลังตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ แต่หลังจากนั้นเพียง 3 วัน นายนาคากาว่าก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง

จากนั้น ก็ยังมีเรื่องอื้อฉาวให้รัฐบาลอาโสะต้องได้อับอายตามมาอีก เมื่อนายโยชิทาดะ โคโนอิเกะ วัย 38 ปี ผู้ช่วยของอาโสะ ถูกแฉเรื่องที่แอบมีภรรยาน้อย และใช้รถไฟสำหรับเดินทางในงานราชการพาภรรยาน้อยไปเที่ยวรีสอร์ตน้ำพุร้อน จนกระทั่งต้องลาออกจากตำแหน่ง

นอกจากนี้ วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งรุนแรงตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่น และอัตราว่างงานที่สูงขึ้นก็เป็นอีกเรื่องที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสแรกหดตัวลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ที่ ร้อยละ 14.2 ต่อปี เนื่องจากการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนซบเซา ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอัตราว่างงานของญี่ปุ่นประจำเดือนพ.ค.พุ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี ท่ามกลางแนวโน้มตลาดแรงงานที่เริ่มทวีความตึงเครียดอย่างหนัก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญอุปสรรคในการเอาตัวรอดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งรุนแรงที่สุด

ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลและนายอาโสะดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง โดยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนญี่ปุ่นของนสพ.ยูมิอุริ เผยคะแนนสนับสนุน ทาโร่ อาโสะ ร่วงลงเหลือแค่ 18.6% ส่วนคะแนนสนับสนุนครม.ญี่ปุ่นอยู่ที่ 18.6% ลดลง 1.1% จากผลการสำรวจความคิดเห็นเมื่อวันที่ 2-3 ก.ค.ซึ่งจัดทำขึ้นหลังจากที่ได้มีการปรับครม.ไม่กี่ตำแหน่ง

ย้อนประวัติทาโร่ อาโสะ อดีตรมว.ต่างประเทศผู้ได้ดิบได้ดีขึ้นเป็นนายกฯ

นายทาโร่ อาโสะ ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแอลดีพีเมื่อเดือนส.ค.ปีที่แล้ว เขาเป็นนักการเมืองหัวอนุรักษ์ที่ตรงไปตรงมา และได้เรียกร้องให้ญี่ปุ่นมีบทบาทมากขึ้นในเวทีโลก อีกทั้งยังรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นในสมัยที่นายชินโสะ อาเบะ ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี

อาโสะ เป็นนักการเมืองที่มีเสน่ห์ผู้คลั่งไคล้ในการ์ตูน แต่ก็เป็นนักการเมืองที่มีประวัติชอบพูดจาผิดกาลเทศะอยู่บ่อยครั้งดังจะเห็นได้จากการออกแถลงการณ์ขอโทษตามมานับครั้งไม่ถ้วน เมื่อปีที่แล้ว อาโสะก็ต้องออกแถลงการณ์เพื่อขอโทษประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเมืองโอกาซากิและอันโจ เขตไอจิ หลังจากที่พลั้งปากพูดออกไปในระหว่างการหาเสียงเมื่อวันที่ 14 กันยายนว่า ฝนที่ถล่มลงมาอย่างหนักครั้งนี้โชคดีที่ส่งผลกระทบแค่ 2 เมืองเล็กๆเท่านั้น เมืองใหญ่ ๆไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

ด้วยคำพูดที่ไม่ระมัดระวังเช่นนี้ ส่งผลให้เขาได้รับเสียงคัดค้านจากประชาชนใน 2 เมืองดังกล่าวทันที อาโสะต้องรีบส่งจดหมายขอโทษกลับไปแทบไม่ทัน เนื้อความในจดหมายมีว่า ผมขอโทษที่พูดแสดงความเห็นในลักษณะดังกล่าวออกไป และขอให้คำมั่นว่าจะทำทุกอย่างเท่าที่จะสามารถทำได้เพื่อฟื้นฟูเมืองที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งนี้

ทาโร่ อาโสะ บ่ยั่นประกาศเอาชนะแกนนำฝ่ายค้านให้ได้

แม้ว่า จะออกมาแสดงความเสียใจที่ตนเองไม่สามารถรักษาความเป็นปึกแผ่นของพรรคเอาไว้ได้ แต่ทาโร่ อาโสะ ก็ไม่ยอมแพ้ ออกมาประกาศว่า จะพยายามรักษาอำนาจและนำพรรคแอลดีพีซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลในขณะนี้ เอาชนะแกนนำฝ่ายค้านอย่างพรรค ดีพีเจในการเลือกตั้งเดือนหน้าให้ได้

พรรคแอลดีพีไม่ยอมปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่า รัฐบาลจะเปิดให้มีการหาเสียงอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ส.ค.นี้ พรรคแอลดีพีงัดกลยุทธ์โจมตีพรรคฝ่ายค้านเพื่อลดความน่าเชื่อถือของคู่แข่งทางการเมืองทันที ล่าสุด พรรคได้โพสต์โฆษณาการ์ตูนล้อเลียนไว้บนเว็บไซต์ของพรรค ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างตัวการ์ตูนฝ่ายชายที่ถอดแบบจากนายยูคิโอะ ฮาโตยาม่า หัวหน้าพรรคดีพีเจ กับหญิงสาวบนโต๊ะอาหารที่ภัตตาคารในตึกระฟ้าแห่งหนึ่ง

ในบทสนทนาดังกล่าว ตัวการ์ตูนฝ่ายชายได้พูดจาหว่านล้อมให้ฝ่ายหญิงเลือกตนเป็นคู่ครอง โดยให้คำมั่นว่าจะพัฒนาระบบการดูแลเด็กและเยาวชน การศึกษา และผู้สูงอายุ รวมถึงยกเลิกระบบการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง แต่มีข้อแม้ว่าจะบอกรายละเอียดของแผนดังกล่าวก็ต่อเมื่อฝ่ายหญิงยอมแต่งงานด้วย แต่สุดท้ายบทสนทนาจบลงด้วยคำพูดของฝ่ายหญิงที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเขา

แต่ดูเหมือนความพยายามของนายอาโสะจะไม่เป็นผล ล่าสุด สมาชิกพรรคแอลดีพีบางส่วนเปรยๆออกมาแล้วว่า จะลาออกจากพรรคเพื่อไปตั้งพรรคการเมืองใหม่

พรรคดีพีเจไม่น้อยหน้า เดินหน้าโฆษณานโยบายตามสื่อ

พรรคดีพีเจเองก็ฉวยโอกาสทำคะแนนให้กับพรรคเช่นกัน โดยประกาศแผนการกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคด้วยการจัดสรรวงเงินสนับสนุนด้านการดูแลเด็กและเยาวชน รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษีน้ำมันเบนซินเป็นวงเงินสูงสุด 5.3 ล้านล้านเยน (5.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และเดินหน้าโฆษณาในหนังสือพิมพ์อาซาฮีและนิกเกอิที่มีข้อความว่า "ขณะนี้ประวัติศาสตร์กำลังจะเปลี่ยนไป และในที่สุดจะมีการเปลี่ยนโฉมหน้าของรัฐบาล"

และเมื่อเทียบกับข่าวลบในพรรคนั้น ดีพีเจก็มีข่าวลบเช่นกัน ดีพีเจได้หัวหน้าพรรคคนใหม่เป็นนายยูคิโอะ ฮาโตยาม่า หลังจากที่นายอิจิโร โอซาว่า ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อรับผิดชอบต่อกรณีที่ ผู้ช่วยส่วนตัวของเขารับเงินบริจาคสนับสนุนพรรคระหว่าง พ.ศ.2546-2549 จากบริษัทก่อสร้างนิชิมัตสึเป็นจำนวนเงิน 21 ล้านเยน (ประมาณ 7.5 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าละเมิดกฎหมายหาเงินทุนทางการเมือง

แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าพรรค แต่คะแนนนิยมพรรคดีพีเจก็ไม่ได้กระทบกระเทือนแต่อย่างใด เพราะตลอด 20 ปีที่ผ่านมา นายโอซาว่าเป็นนักการเมืองดาวรุ่งที่เคยก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นมาแล้ว ด้วยการผลักดันให้พรรคฝ่ายค้านขึ้นมาบริหารประเทศเป็นครั้งแรก จากเดิมที่พรรคแอลดีพีสามารถจับจองที่นั่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลมาโดยตลอด ซึ่งเกิดขึ้นช่วงทศวรรษ 1990 ภายหลังจากที่เขาออกจากพรรคแอลดีพี

โอซาว่าเกิดที่จังหวัดอิวาตะ เป็นบุตรชายของอดีตรัฐมนตรีก่อสร้างจากพรรคแอลดีพี จบจากมหาวิทยาลัยเคอิโอ และได้ศึกษาต่อมหาวิทยาลัยนิฮอนแต่ไม่จบ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกจากเขตการเมืองตั้งในบ้านเกิดเมื่อปี 2512 เขาเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ช่วงปลายทศวรรษ 1980 เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยและเลขาธิการพรรคแอลดีพี และหนังสือ Blueprint for New Japan ของโอซาวาก็ได้รับการยอมรับจนกลายเป็นหนังสือขายดีที่สุดในญี่ปุ่นเมื่อปี 2536

นายโอซาว่าลาออกจากพรรคแอลดีพี มาตั้งพรรคการเมืองหลายพรรค ท้ายสุดตัดสินใจย้ายไปอยู่พรรคดีพีเจเมื่อปี 2546 ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เกิดจากพรรคการเมืองเล็กๆ และกลุ่มนักการเมืองสายสังคมนิยมและอนุรักษนิยมในพรรคแอลดีพี

ถ้าไม่มีเหตุการณ์พลิกผัน พรรคดีพีเจน่าจะได้มีโอกาสขึ้นมาบริหารประเทศ พร้อมกับภารกิจที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสมัยที่พรรคแอลดีพีแบกรับอยู่เลย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ