ประธานาธิบดีหม่า อิง-จิว ของไต้หวันได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของไต้หวัน และความเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นการปูทางไปสู่การจัดประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีไต้หวันกับจีน
โดยนายหม่าเป็นผู้สมัครตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียวที่ได้คะแนนเสียงสนับสนุนถล่มทลายถึง 94% ในการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 50% โดยเขาจะรับหน้าที่หัวหน้าพรรคเป็นเวลา 4 ปีต่อจากนายอู๋ ป๋อ-สงที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.ย.นี้
หม่ากล่าวในงานแถลงข่าวหลังประกาศผลการลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคว่า "ผมจะเร่งดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างภายในพรรค และตั้งเป้าที่จะกวาดล้างการทุจริตภายในพรรรคเพื่อดึงดูดสมัครชิกพรรครุ่นใหม่ไฟแรงเข้ามาร่วมงานมากขึ้น"
บลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายหม่า เคยดำรงตำแหน่งประธานพรรคก๊กมินตั๋งในระหว่างเดือนส.ค. 2548 - ก.พ. 2550 แต่ได้ลาออกไปเพราะถูกดำเนินคดีเรื่องการนำงบประมาณไปใช้อย่างไม่เหมาะสมในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุงไทเป จนกระทั่งสามารถหลุดพ้นจากคดีก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปีก่อน
ทั้งนี้ นายหม่า ประธานาธิบดีไต้หวันวัย 59 ปี กำลังเร่งกระชับความสัมพันธ์กับจีนเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจตกต่ำอย่างหนักเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ จากผลกระทบของการส่งออกและการลงทุนภาคธุรกิจที่ซบเซา ซึ่งการที่เขาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคอาจกรุยทางให้มีการจัดประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีจีน-ไต้หวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2492 ขณะที่เมื่อเดือนพ.ค. 2551 นายอู๋ เคยเข้าพบกับผู้นำจีนเป็นครั้งแรกในฐานะประธานพรรคก๊กมินตั๋ง
ในระหว่างที่นายหม่าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันนั้น เขาได้ทำข้อตกลงกับจีนด้วยการเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างจีนกับไต้หวัน รวมถึงการเปิดให้บริการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบไต้หวันหลังจากที่ได้สั่งระงับการขนส่งในเส้นทางดังกล่าวมานานถึง 60 ปี ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไต้หวันก็เปิดรับนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนกว่า 350,000 คน และยังเปิดรับนักลงทุนเข้าถือหุ้นในไต้หวันด้วยเช่นกัน