นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "เศรษฐกิจไทย เราจะไปทางไหน" ว่า ขณะนี้ประเทศไทยต้องรับวิกฤตสองด้าน คือ จากการรัฐประหาร ความขัดแย้งในสังคม ได้รัฐบาลไม่ชอบธรรม ปัญหาสองมาตรฐาน มีผลกระทบต่อการลงทุน การท่องเที่ยว อีกด้านเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่ประสบวิกฤติการเงินของโลกรุนแรงในรอบหลายสิบปี ขณะที่การกู้เงินของรัฐบาลไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เนื่องจากรัฐบาลเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจภาพใหญ่ โดยใช้นโยบายการคลัง แต่ไม่สนใจภาคการผลิต หรือสร้างรายได้ให้ประชาชน ซึ่งถือเป็นจุดผิดพลาดของรัฐบาล
นอกจากนี้ การส่งออกซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด รัฐบาลจะมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร ขณะที่มีการปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบน้อยมาก และไม่ได้เน้นธุรกิจรายภาคส่วน
รัฐบาลยังมีปัญหาที่ไม่สามารถจัดทำนโยบายร่วมกันระหว่างกระทรวงต่างๆ เพราะในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ไม่เคยมีนโยบายด้านต่างๆ ออกมาชัดเจน เพราะรัฐบาลมัวแต่เกรงใจพรรคร่วมรัฐบาลจนไม่กล้าล้มโครงการบางโครงการ แต่ยื้อเรื่องกันอยู่ ทำให้นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่มีความชัดเจนและไร้ทิศทาง
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้มาจากการสนับสนุนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำให้นายกรัฐมนตรีใช้เวลาไปกับการคดีก่อการร้าย คดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ กลุ่ม พธม. จนไม่มีเวลาบริหารนโยบายเศรษฐกิจ ถือเป็นบุคคลที่ขาดภาวะการเป็นผู้นำ เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และยังต้องกังวลกับทั้งปัญหาการเมือง ปัญหาพรรคร่วมรัฐบาล กลุ่ม พธม. และกองทัพ
นายจาตุรนต์เสนอแนะให้รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีบริหารมาเป็นรูปแบบของการบริหารท่ามกลางวิกฤติ รัฐบาลต้องสนใจภาคการผลิต การส่งออก การท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรมการเกษตร เอสเอ็มอี ตลาดสินเชื่อ ค่าเงินบาท ให้ทิศทางรัฐบาลมีเอกภาพ หยุดสาละวนชิงไหวชิงพริบทางการเมือง หันมารับฟังความเห็นประชาชน เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว
"นายอภิสิทธิ์ไม่มีภาวะผู้นำ ยังบริหารประเทศไปตามปกติ ทั้งที่อยู่ในภาวะวิกฤติอีก ใช้คำพูดปลอบใจคนเรื่อยๆ และใช้น้ำลายตอบโต้ เลยแก้ปัญหาไม่ได้...วันนี้ผู้คนเบื่อหน่ายรัฐบาลมาก พรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้าน ควรรีบสร้างนโยบายขึ้นมาให้เกิดความชัดเจนด้านต่างๆ เพื่อรับมือเศรษฐกิจ ประชาชนจะได้มีที่พึ่ง หรือมีทางเลือกที่ดีกว่า" นายจาตุรนต์ กล่าว