นายกฯยันสางปัญหาศก.ถูกทาง แต่พร้อมฟังเสียงปชช.แก้ไขข้อบกพร่องในการทำงาน

ข่าวการเมือง Thursday August 6, 2009 13:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า การทำงานของรัฐบาล 6 เดือนที่ผ่านมายังต้องมีการปรับปรุงแก้ไข และรัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นจากประชาชน โดยยึดแนวทางที่สำคัญ คือ ความซื่อสัตย์สุจริต ทำงานอย่างตรงไปตรงมา พร้อมสื่อสารกับประชาชนให้มากขึ้น โดยเชื่อว่าแนวทางนี้จะเป็นทางออกและเป็นความหวังของคนไทยได้

พร้อมยืนยันและสัญญาว่าตนเองและคณะรัฐมนตรีจะทำงานให้หนักขึ้น เพื่อแข่งขันกับเวลา โดยจะยึดประโยชน์ของประชาชน ประเทศชาติ หลักการประชาธิปไตย และความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักนำ ซึ่งถือเป็นคำมั่นสัญญาต่อประชาชน

นายกรัฐมนตรี ยังเชื่อว่าความขัดแย้งทางการเมืองยังคงต้องมีต่อไป ซึ่งการทำงานในระบบรัฐสภาจะเป็นคำตอบให้ประชาชนได้ ขณะที่การชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องเรื่องต่างๆ ถือเป็นปัญหาที่อยู่คู่การบริหารบ้านเมือง แต่เมื่อประชาชนเดือดร้อน ขอให้บอกรัฐบาล ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า การชุมุนมหลายกลุ่ม เช่น ที่ทำกิน ซึ่งรัฐบาลนี้เป็นชุดแรกที่ได้ร่วมทำงานกับผู้เดือดร้อนเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาเกษตรกรร้องเรียนเรื่องหนี้สินก็ได้ทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง แต่การทำงานของรัฐบาลคงไม่ได้ตอบสนองต่อการชุมนุมประท้วงทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องคงไม่ใช่คำตอบดีที่สุดสำหรับประเทศชาติ

" 6 เดือนที่ผ่านมา เรารับฟังและให้สิทธิแสดงออก ปัญหายังมีอยู่คู่ประเทศไทย แต่ทุกปัญหาทุกความกังวล เราสนใจและเดินหน้าแก้ไข" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี เห็นว่า รัฐบาลยังมีจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขอีกมากทั้งการทำงานของรัฐบาลในด้านข่าวสารที่ออกไป โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งคนในรัฐบาลที่ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งควรต้องปรับปรุงอย่างยิ่ง ทั้งนี้ได้ย้ำกับรัฐมนตรีทุกคนว่าไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ หากทะเลาะกันเอง แต่ต้องเกรงใจประชาชน รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลที่มีเสียงสะท้อนว่ายังทำความเข้าใจในหลายเรื่องได้ไม่มาก

นอกจากนี้ยอมรับว่ารัฐบาลได้ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดไปในกรณีการควบคุมฝูงชนในระหว่างการจัดประชุมอาเซียนซัมมิทที่เมืองพัทยา เพราะแม้รัฐบาลจะยึดแนวทางสันติวิธีก็ตาม แต่เพื่อความไม่ประมาทก็ควรต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่านี้ เพราะหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอีกจะกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศชาติเป็นอย่างมาก

ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีนั้นถือเป็นวิถีประชาธิปไตย ซึ่งจะปรับเมื่อในช่วงเวลาที่เหมาะสม ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยากให้เป็นกระบวนการของรัฐสภามากกว่ากระบวนการของรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ซึ่งได้ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ และจะมีการพิจารณาในรายละเอียดต่อไป เพราะรัฐธรรมนูญฉบับสมานฉันท์ต้องนำมาซึ่งการไม่สร้างความขัดแย้งด้วย ขณะนี้กำลังประเมินผลหลังฟังเสียงในสภาอีกรอบว่าจะเดินหน้าอย่างไร

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา มีตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายตัวบ่งบอกว่านโยบายที่รัฐบาลดำเนินการเพื่อรักษาพิษเศรษฐกิจได้เดินมาถูกทางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโครงการต้นกล้าอาชีพที่สามารถสร้างอาชีพให้ประชาชนได้แล้ว 2 แสนคน มีงานทำแล้ว 70% ยังเหลืออีก 30% ที่รองานอยู่

นอกจากนี้ รัฐบาลยังเตรียมวางมาตรการช่วยการท่องเที่ยวเพิ่มเติม หลังจากได้มีมาตรการลดภาระต่างๆ ให้ผู้ประกอบการไปแล้ว โดยเฉพาะที่รัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แม้บางเรื่องจะมีปัญหาทางปฏิบัติ เช่น การปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะนัดผู้เกี่ยวข้องมาหารือต่อไป

"หลังแถลงนโยบาย ความเชื่อมั่นจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การทำงาน ไม่ใช่อยู่ที่การแถลงนโยบาย เรายังมีงานต้องเดินหน้า ทั้งการท่องเที่ยว การประกันพืชผล ซึ่งผลสำรวจความเชื่อมั่นรัฐบาล มีตัวเลขไปในเชิงบวก" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง ปัญหาและอุปสรรคในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บังคับใช้กฎหมายแต่ยังมีอุปสรรคในการดำเนินการ เพราะหากย้อนดูประวัติในอดีตจะพบว่า เมื่อมีผู้ทำผิดแล้วหนีไปต่างประเทศ จะเป็นเรื่องยากในการนำตัวกลับมา ไม่เฉพาะอดีตผู้นำประเทศเท่านั้นแต่มีทั้งนักธุรกิจด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ต้องประสานงานระดับสากล มีข้อกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างจริงจังทางกฎหมาย มีการเดินทางไปประเทศที่มีสนธิสัญญา แต่การดำเนินการต้องรักษากฎหมาย อยู่บนความพอดี เพราะคนไทยทุกคนมีความเสมอภาคทางกฎหมาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ