เพื่อไทยรุมกินโต๊ะผลงาน 6 เดือนรัฐบาล"อภิสิทธิ์"ล้มเหลว-นโยบายผิดพลาด

ข่าวการเมือง Monday August 10, 2009 15:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) นำทีม ส.ส.พรรคชำแหละผลงาน 6 เดือนของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยระบุว่าสิ่งที่รัฐบาลอ้างเป็นความสำเร็จนั้นที่แท้เป็นผลงานที่ล้มเหลว เพราะนโยบายการบริหารที่ผิดพลาด

"ผลงานที่รัฐบาลแถลงอ้างว่าหลายล้านความสุข แต่พรรคเห็นว่าผลงานล้มเหลวเป็นผลมาจากนโยบายการบริหารจัดการของรัฐบาลในการติดตามดูการบริหารการแก้ไขปัญหาหลายมาตรการไม่ได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด หลายมาตรการไม่ได้แก้ปัญหา และอีกหลายปัญหายังถูกละเลย"นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรค พท.กล่าว

หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า แม้แต่ประเด็นการสร้างความสมานฉันท์ก็ไม่ได้รับการดูแลจากรัฐบาล ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง ปัญหาการทุจริตในวงราชการ ปัญหาด้านสาธารณสุข ปัญหาความมั่นคง ปัญหาต่างประเทศ ปัญหายาเสพติด ซึ่งอยากถามว่าผลงานรัฐบาล 6 เดือนที่ผ่านมาประชาชนได้รับความสุขจากรัฐบาลจริงหรือ

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ตัวเลขพรรคไม่เห็นด้วยว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตามที่นายกรัฐมนตรีได้ระบุ เพราะหลายประเด็นไม่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ยังติดลบ 5% การส่งออกยังไม่ฟื้นตัว โอกาสขยายตัวก็ลำบาก อีกทั้งประสิทธิภาพการส่งออกก็ไม่ดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบต่อเนื่องเข้าสู่ภาวะเงินฝืด การลงทุนจากต่างประเทศยังติดลบและไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่มีเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้าสู่ประเทศทั้งจากภายในและภายนอก

ด้านผลกระทบระดับรากหญ้า ดัชนีสินค้าการเกษตรยังตกต่ำอย่างน่ากลัว ราคาน้ำมันในประเทศอยู่ในระดับสูง แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลงมาที่ 71 ดอลลาร์/บาร์เรล จากในปี 51 อยู่ที่ 115 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้ว่านโยบาย 99 วันของรัฐบาลบอกว่าจะไม่สมทบเข้าเงินกองทุนน้ำมันฯเพิ่ม แต่ก็ไม่ได้ลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่กระทบภาคการเกษตร

"การจัดเก็บภาษีสรรพสามิต และการเพิ่มเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เป็นสาเหตุสำคัญในการทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในปีนี้มีราคาที่สูงกว่าราคาน้ำมันขายปลีกในปีที่แล้ว แสดงว่าการบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ ยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลมีนโยบายในการเก็บภาษีน้ำมันและภาษีสรรพสามิตอย่างไร ขณะที่ประชาชนยังได้รับเดือดร้อน" นายปานปรีย์ กล่าว

รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า มีความกังวลต่อประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกที่เบิกจ่ายไปแค่ 51.76% เท่านั้น ทำให้เงินลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยเกินไป อีกทั้งการกู้เงินตาม พ.ร.บ. 4 แสนล้านบาทก็ยังไม่ได้ตั้งโครงการลงทุนที่ชัดเจน และหากรีบเร่งเบิกจ่ายมากเกินไปก็จะเปิดช่องทางให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่นได้ เพราะเป็นเงินจำนวนมากและอยู่นอกเหนือการพิจารณาอนุมัติของรัฐสภา ขณะที่หากโครงการล่าช้าก็จะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งรัฐบาลต้องใช้ความละเอียดรอบคอบให้มาก

สำหรับเงินกู้ 8 แสนล้านบาทจะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 60% ของจีดีพีก็เป็นประเด็นใหญ่ที่รัฐบาลยังไม่ได้ให้คำตอบกับประชาชนเลยว่าจะหารายได้มาใช้หนี้จำนวนนี้อย่างไร และวางแผนการชำระเงินกู้อย่างไร อีกกี่ปีจะชำระหนี้หมด ขณะที่โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000บาท มีเพียงกลุ่มเดียวได้ประโยชน์ แต่ประชาชนในชนบทไม่มีโอกาสได้เม็ดเงินนี้

มาตรการ 6 เดือน 5 มาตรการถือเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชนก็เป็นผลงานต่อเนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนนโยบายการเรียนฟรี 15 ปีมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร แม้แต่โครงการต้นกล้าอาชีพก็ยังต้องตรวจสอบต่อไป นอกจากนั้น งบประมาณที่จัดสรรให้กับ SMEs และ OTOP มีเพียง 500 กว่าล้านบาทเท่านั้น ถือว่าน้อยมาก

รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า รัฐบาลมีเรื่องจำเป็นเร่งด่วน 9 ประการที่ต้องทำให้สำเร็จเพื่อช่วยสร้างรายได้และผลักดันให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างแท้จริง ได้แก่ 1.การสร้างเอกภาพให้กับทีมเศรษฐกิจ 2.มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องภาคการเกษตร โดยเฉพาะแนวทางการแทรกแซงราคาสินค้า 3.นโยบายพลังงานต้องมีทิศทางที่ชัดเจน 4.วางแผนการลงทุนเงินกู้ 8 แสนล้านบาทอย่างมีประสิทธิภาพ

5.เลือกกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการที่เห็นผลได้จริง 6.เร่งรัดสินเชื่อสร้างสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ 7.เร่งรัดแก้ไขปัญหาภาคการท่องเที่ยวทั้งระบบ 8.ปรับปรุง แก้ไข กฎหมายและระเบียบต่างๆที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน และ 9.เร่งแก้ไขปัญหาการว่างงาน ซึ่งควรเน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและคนยากจนเป็นลำดับแรก

"ขอให้รัฐบาลกลับไปทบทวนทีมเศรษฐกิจ หากจะเป็นไปได้ ก็ควรปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีด้วย" นายปานปรีย์ กล่าว

นายปานปรีย์ กล่าวว่า สรุปว่า 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้กู้เงินจำนวนมหาศาลโดยขาดรายละเอียดของการใช้เงินและการคืนเงิน อีกทั้งในอนาคตจะเสนออีกหลายโครงการที่เป็นรัฐสวัสดิการ ยังไม่ชัดเจนว่าจะหาเงินจากที่ใดเพราะต้องใช้เงินอีกมาก รัฐบาลนี้มีแต่เรื่องการใช้เงินเป็นหลัก ทำให้ประชาชนขาดความมั่นใจว่าจะมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยไม่สร้างหนี้สินล้นพ้นให้แก่ประเทศหรือไม่

"เรื่องที่พอจะคาดหวังจากรัฐบาลได้เพียงเรื่องเดียวคือความสุจริต โปร่งใส ในการดำเนินงาน ถึงวันนี้ความหวังได้เริ่มเลือนลางและสร้างความผิดหวังแก่ประชาชนจากโครงการตามนโยบายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เห็นว่า ที่ผ่านมา 6 เดือน ผลงานรัฐบาลยังไม่ดีพอ ต้องเร่งปรับปรุง แก้ไขและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน" นายปานปรีย์ กล่าว

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค พท.อีกคน กล่าวว่า ผลงานด้านการเกษตรและเกษตรกรที่นายกฯ แถลงว่ามีการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ซึ่งทำให้เกษตรกร 1.5 ล้านครอบครัวได้ประโยชน์นั้นไม่เป็นความจริง เพราะจากรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุดัชนีราคาการเกษตรลดลงทั้งสิ้น

"รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาด้านเกษตร ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา อีกทั้งรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องไม่ได้ลงไปแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งรัฐบาลรู้ไม่จริงในการเข้ามาบริหารและไม่มั่นใจรัฐบาลดูผลประโยชน์ของเกษตรกร" นายปลอดประสพ กล่าว

ส่วนที่รัฐบาลจะเข้าไปแก้ปัญหาที่ทำกิน โดยใช้โครงการโฉนดหมู่บ้านและแบ่งเขตพื้นที่ทำกินจากป่าเสื่อมโทรม นายปลอดประสพ กล่าวว่า รัฐบาลอาจจะทำไม่สำเร็จ หากรัฐมนตรี 3 คน คือ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ, นายถาวร เสนเนียน รมช.มหาดไทย และ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน อีกทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ พยายามสำรวจแผนที่ใหม่ รวมถึงมีการของบกองทุนสิ่งแวดล้อมกว่า 2,000 ล้านบาท ก็มีปัญหาความไม่โปร่งใสและเป็นเรื่องที่น่าห่วง

"ยังมีปัญหาที่นายสุวิทย์ระบุว่าจะเอาพระออกจากพื้นที่ป่าทั้งหมดขอเตือนว่ามันบาป ขนาดผมเคยพังบ้านรัฐมนตรีมาแล้วยังไม่กล้ากับพระเพราะกลัวบาป" นายปลอดประสพ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ