หัวหน้าส่วนราชการ 29 องค์กรออกแถลงการณ์คัดค้านกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เตรียมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เนื่องจากเห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดที่แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกมีกำหนด 2 ปี และอยู่ในระหว่างหลบหนีโทษจำคุกตามคำพิพากษาดังกล่าว
"จะมีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เนื่องจากเป็นเรื่องในทางการเมือง จะเป็นผลโดยตรงให้เกิดความเคลือบแคลงในความเป็นกลางของสถาบันพระมหากษัตริย์ และหากเกิดความระแวงสงสัยย่อมไม่เป็นการเชิดชูพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงทศพิธราชธรรมเสมอมา" แถลงการณ์ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) นำออกมาเผยแพร่ระบุ
ข้าราชการระดับปลัดกระทรวงและเทียบเท่าปลัดกระทรวงผู้มีนามท้ายหนังสือนี้ตระหนักแก่ใจดีว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเป็นประหนึ่งร่มเกล้าธงชัย บำบัดทุกข์และบำรุงสุขแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าเสมอมา ตามคติประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข พระมหากษัตริย์ย่อมทรงวางพระองค์เป็นกลางในทางการเมือง ทรงแผ่พระมหากรุณาธิคุณแก่ราษฎรโดยทั่วไป ไม่เลือกหน้า ทรงใช้พระราชอำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด
ประเทศไทยและนานาประเทศที่มีการปกครองระบอบเดียวกันล้วนถือคตินิยมว่า ฝ่ายการเมืองก็ดี ส่วนราชการต่างๆ ก็ดี ตลอดถึงประชาชนโดยทั่วไปก็ดีต่างมีความรับผิดชอบร่วมกันที่จะต้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ปลอดจากมลทินหรือความหมองมัวทางการเมือง ธรรมเนียมการปกครองเช่นนี้เป็นแบบแผนที่ยึดถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาโดยตลอด
เมื่อพิเคราะห์เหตุการณ์รวมถึงสาระในฎีกาฉบับดังกล่าวที่ปรากฏต่อสาธารณชนแล้ว เรามีความเห็นร่วมกันว่า เรื่องราวที่จะทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาครั้งนี้เป็นประเด็นทางการเมืองโดยตรง ธรรมชาติของความเป็นการเมืองนั้น เป็นปกติที่จะมีทั้งผู้ที่เห็นด้วย ผู้ที่เห็นแตกต่างหรือคัดค้านและอาจจะมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งวางเฉยเสียก็ได้
"หากมีการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาในประเด็นการเมืองเช่นนี้ และมีเนื้อความส่วนหนึ่งของฎีกาตลอดจนความคาดหวังของผู้ที่ลงลายมือชื่อร่วมกันทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกา เพื่อขอให้มีพระบรมราชวินิจฉัยอภัยโทษให้พันตำรวจโททักษิณฯ ไม่ว่าจะมีพระบรมราชวินิจฉัยไปในทางใดทางหนึ่งหรือแม้แต่ยังมิได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย หากแต่เวลาทอดยาวล่วงเลยนานเข้า ย่อมเห็นได้ชัดว่า จะเป็นผลโดยตรงทำให้เกิดความเคลือบแคลงในความเป็นกลางของสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ และความระแวงสงสัยเช่นนั้น หากเกิดขึ้นแล้วย่อมไม่เป็นการเชิดชูพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงทศพิธราชธรรมเสมอมาเป็นแน่ ความระมัดระวังร่วมกันป้องกันมิให้เกิดผลในทางร้ายเช่นนั้นพึงเป็นจริยาของพสกนิกรและข้าราชการโดยทั่วกัน" แถลงการณ์ ระบุ
สำหรับข้าราชการระดับปลัดกระทรวงและเทียบเท่าปลัดกระทรวงผู้มีนามท้ายหนังสือนี้ ประกอบด้วย นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายจรัลธาดา กรรณสูต ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม,
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน, นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์, นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน, นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, น.ส.สุจินดา โชติพานิช ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา,
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา, นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, นายปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นายอดุลย์ กอวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ, นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ, นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ,
คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ., นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร., นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร