นายกรัฐมนตรี ติงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ให้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย และลดการเผชิญหน้ากับกลุ่มที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งจนเกิดเหตุการณ์รุนแรงซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาประเทศต้องหยุดชะงัก
"ขอให้การเคลื่อนไหวอยู่ในขอบเขต ขณะนี้บ้านเมืองกำลังเดินไปข้างหน้า อย่าให้มีปัญหาที่จะต้องสะดุด ทุกอย่างในทางการเมืองขอให้อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ ตนเองได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาราชการแทน ผบ.ตร.เตรียมมาตรการไว้รองรับแล้ว ซึ่งเบื้องต้นเข้าใจว่า ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เวลาที่กลุ่ม นปช.จะเดินทางยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับเวลาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดพิพากษาคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายางพาราไม่ตรงกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากกลุ่ม นปช.ยื่นถวายฎีกาผ่านทางสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง เรียบร้อยแล้ว การดำเนินการจะเป็นไปตามขั้นตอนปกติ โดยสำนักราชเลขาธิการจะพิจารณาเบื้องต้นก่อนแล้วส่งเรื่องมาที่รัฐบาลเพื่อขอความคิดเห็น โดยให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาตามข้อกฎหมายและเนื้อหาของฎีกา
"รัฐบาลคงต้องขอดูเนื้อหาสาระ วิธีการยื่นถวายฎีกาและรายละเอียดทั้งหมดก่อน เท่าที่ผมพิจารณาแล้วเห็นว่าการถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษไม่ได้เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย เพราะต้องเป็นเจ้าตัวหรือครอบครัวเป็นผู้ยื่นถวายฎีกา แต่ถ้าเป็นเรื่องถวายฎีกาความเดือดร้อนทั่วไป เหมือนกับที่เวลาชาวบ้านมีปัญหาเราก็จะมาดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าเป็นเรื่องการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากการถวายฎีกาไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย รัฐบาลก็จะชี้แจงกลับไปให้ทราบ และการที่สมาชิกกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ซึ่งเป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยจะเป็นผู้นำการยื่นถวายฎีกาจะไม่มีผลอะไร
"หากไม่เข้าเกณฑ์ตามนี้ก็จบ ไม่ได้เกี่ยวว่าจะมีจำนวนคนมากน้อยแค่ไหนที่มาลงชื่อถวายฎีกา หรือคนที่มายื่นมีชื่อเสียงหรือไม่" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทยตั้งโต๊ะให้ประชาชนลงชื่อคัดค้านการถวายฎีกานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าแต่ละฝ่ายหรือใครก็ตามอยากแสดงออกหรือแสดงความคิดเห็น ขอให้อยู่ในขอบเขตก็จะไม่เป็นปัญหา และเชื่อว่าผู้ที่ลงชื่อน่าจะเป็นเรื่องของความสมัครใจ