ทูตสหรัฐมองว่า การที่เกาหลีเหนือยอมกลับมาเปิดพรมแดนเพื่อให้ธุรกิจการท่องเที่ยวระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง รวมถึงการอนุญาตให้ชาวเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เดินทางไปเยี่ยมญาติของตนเองได้อีกครั้งนั้น อาจจะเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่า การคว่ำบาตรจากนานาประเทศกำลังสร้างแรงกดดันให้กับเกาหลีเหนือ
เอกอัครราชทูตฟิลิป โกลด์เบิร์ก กล่าวว่า หากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า การคว่ำบาตรทางการเงินและการค้าที่ผิดกฎหมายกำลังกดดันเกาหลีเหนือให้พิจารณาเรื่องการกระทำที่ไม่เป็นที่ยอมรับอีกครั้งและหวนกลับมาใช้วิธีการทางการทูตนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี
ทางด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า การตัดสินใจอนุญาตให้มีการจัดทัวร์ในเกาหลีเหนือและเปิดทางให้ชาวเกาหลีใต้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวในเกาหลีเหนือ และการปล่อยตัวชาวเกาหลีเหนือนั้นอาจจะมองได้ว่า เกาหลีเหนือทำเช่นนั้นเพราะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันทางการเมือง เศรษฐกิจหรือทั้ง 2 อย่าง
ทั้งนี้ ทูตสหรัฐได้ทำหน้าที่ประสานงานในการนำมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมาใช้กับเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ขณะที่สหรัฐเองก็ต้องการให้เกาหลีเหนือกลับเข้าร่วมการเจรจานิวเคลียร์ 6 ฝ่าย
นายโกลด์เบิร์กมีกำหนดการเดินทางเยือนไทย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพื่อที่จะได้เจรจาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้มติลงโทษเกาหลีเหนือ โดยก่อนหน้านี้เขาได้พบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของจีน รัสเซีย และมาเลเซียแล้ว
ทูตสหรัฐกล่าวต่อไปว่า สหรัฐจะติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของจีนเกี่ยวกับแบงค์ดันตง ซึ่งกระทรวงคลังสหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำเนื่องจากมีการกล่าวหาว่า แบงค์ละเมิดมติยูเอ็นด้วยการทำธุรกิจกับบริษัทเกาหลีเหนือ 2 แห่งที่มีรายชื่อติดอยู่ในบัญชีคว่ำบาตร