ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ยกคำอุทธรณ์ของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอให้ศาลมีคำสั่งรับบุคคลทั้งสองเป็นผู้ร้องสอด เพื่อเป็นคู่กรณีโต้แย้งสิทธิว่าธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)ไม่มีสิทธิยื่นฟ้องในคดีหมายเลขดำ 1328/2551 ต่อศาลปกครองกลางที่ขอให้ศาลสั่งธนาคารระงับการส่งเงินในบัญชีของบุคคลทั้งสองเพื่อชำระค่าภาษีอากรค้าง เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มที่คำนวณจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.50 โดยเป็นของนายพานทองแท้จำนวน 6,075,498,993.21 บาท และเป็นของ น.ส.พินทองทา จำนวน 6,075,236,235.38 บาท ตามคำสั่งอายัดของกรมสรรพากรที่ซ้ำซ้อนกับคำสั่งอายัดทรัพย์สินคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)
ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในคดีข้อพิพาทเกี่ยวกับคำสั่งอายัดทรัพย์นั้น แม้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งอายัดของกรมสรรพากรก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อสิทธิของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ในเงินฝากตามบัญชีที่ คตส. มีคำสั่งอายัดไว้ตามที่บุคคลทั้งสองกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์ เพราะการที่ คตส.มีคำสั่งอายัดย่อมถือได้ว่าบุคคลทั้งสองได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงไม่จำเป็นที่ต้องเข้ามาร้องสอดเป็นคู่กรณีเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองหรือบังคับ รับรองตามสิทธิของตนที่มีต่อเงินฝาก อีกทั้งนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามกฎหมายของผลคดีดังกล่าว
"ศาลจึงไม่อาจรับคำร้องสอดของทั้งสองคนไว้พิจารณาได้ คำอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่กรณีนั้นชอบแล้ว ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น" คำสั่งศาลปกครองสูงสุด ระบุ
อนึ่ง เมื่อวันที่ 15 ม.ค.52 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองกลางให้คุ้มครองชั่วคราวในคดีเรื่องอายัดทรัพย์นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ยื่นฟ้องกรมสรรพากร โดยสั่งธนาคารระงับการส่งเงินในบัญชีของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ที่ คตส.มีคำสั่งวันที่ 11 มิ.ย.50 อายัดเงินในบัญชีฝากธนาคารของครอบครัว บุตร บริวาร ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN) ให้แก่กองทุนเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ เพื่อชำระภาษีกับกรมสรรพากร จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
และเมื่อวันที่ 2 เม.ย.52 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางไม่รับฟ้องคดีที่นายพานทองแท้ ยื่นฟ้องกรมสรรพากร, นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร และเจ้าพนักงานสรรพากรรวม 7 คน เรื่องออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีร่วมกันออกคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินและเรียกเก็บภาษีเงินได้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา จากการซื้อหุ้น บมจ.ชินคอร์ปฯ มาจากบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสท์เม้น จำกัด เมื่อวันที่ 20 ม.ค.49 จำนวนคนละ 164 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาทด้วย