มติป.ป.ช.ฟันอาญา"พล.อ.ธรรมรักษ์"กับพวก จ้างแก้ไขฐานข้อมูลพรรคการเมือง

ข่าวการเมือง Wednesday August 26, 2009 18:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดทางอาญา พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม พร้อมพวกอีก 4 คน กรณีจ้างวานเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย เพื่อให้ส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงแข่งขันในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 2 เม.ย.49 โดยส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

"การกระทำของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา นายชวการ โตสวัสสดิ์ นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ และนายสุขสันต์ หรือจตุชัย ชัยเทศ มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 84 หรือมาตรา 86 แล้วแต่กรณี" นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษก ป.ป.ช.กล่าว

คณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 70 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 9 และมาตรา 10

ทั้งนี้ โฆษก ป.ป.ช.กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหานายอมรวิทย์ สุวรรณผา พนักงานการเลือกตั้งงานคอมพิวเตอร์ ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กกต.ว่ากระทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของพรรคพัฒนาชาติไทย ในฐานข้อมูลในทะเบียนพรรคการเมืองของ กกต.โดยทุจริตแล้ว

คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนฟังได้ว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ ร่วมกับนายชวการ วางแผนลบชื่อสมาชิกพรรคการเมืองอื่นบางคนแล้วใส่ชื่อบุคคลที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เข้าไปภายใต้เลขสมาชิกเดิม ซึ่งเรียกว่าวิธีตัดต่อพันธุกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาในเขตที่มีผู้สมัครของพรรค ทรท.ลงสมัครรับเลือกตั้งเพียงคนเดียว ซึ่งจะเป็นเหตุให้ กตต.ไม่ประกาศผลการเลือกตั้งหากผู้สมัครได้คะแนนเสียงน้อยกว่า 20% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย.49

โดย พล.อ.ธรรมรักษ์ ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้นายชวการเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งนายชวการได้ให้นายบุญทวีศักดิ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย และนายสุขสันต์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย ไปดำเนินการต่อ หลังจากนั้นนายบุญทวีศักดิ์ ได้ร่วมกับนายอมรวิทย์ แก้ไขฐานข้อมูลพรรคการเมือง จนเป็นเหตุให้ตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค

สำหรับนายอมรวิทย์นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ว่ากระทำความผิดวินัยร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ และจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของสำนักงาน และมติคณะกรรมการอันเป็นเหตุให้เสียหายอย่างร้ายแรงตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2547 และมีมูลเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นพนักงานเรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือปฏิบัติ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามมาตรา 6 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502

ทั้งนี้ ให้งดแจ้งความผิดทางวินัยของนายอมรวิทย์ เนื่องจากสำนักงาน กกต.มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากงานไปแล้ว แต่ให้แจ้งผู้บังคับบัญชารับทราบผลการพิจารณาเท่านั้น

สำหรับคดีนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าร้องเรียนต่อ กกต.ว่า พรรค ทรท.ได้จ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย.49 เพื่อหลบเลี่ยงเกณฑ์ 20%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ