นักวิเคราะห์ชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นดีขึ้น หากพรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้ง

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 27, 2009 12:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในญี่ปุ่นใกล้ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในการเลือกตั้งวันที่ 31 ส.ค.นี้ ขณะนักวิเคราะห์ชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศจะฟื้นตัวขึ้น หากพรรคเดโมเครติค พาร์ตี ออฟ เจแปน (DPJ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของญี่ปุ่นได้รับชัยชนะ

หนังสือพิมพ์อาซาฮีเผยผลสำรวจความเห็นของประชาชนซึ่งเชื่อว่า พรรค DPJ อาจครองเก้าอี้ในสภาได้ 320 ที่นั่งจาก 480 ที่นั่งในการเลือกตั้งสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งหากผลออกมาเช่นนั้นจะกระตุ้นความเชื่อมั่นประชาชนและหนุนตัวเลขการใช้จ่ายทางเศรษฐกิจ ซึ่งในไตรมาสที่แล้วขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี และช่วยให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งหนักสุดหลังยุคสงครามโลก

ทั้งนี้ พรรค DPJ ชูนโยบายช่วยเหลือภาคครัวเรือนด้วยการจัดสรรเงินสดให้กับครอบครัวที่มีบุตรยาก และลดการเก็บค่าธรรมเนียมทางหลวง ซึ่งมาซามิจิ อาดาจิ นักวิเคราะห์จากเจพี มอร์แกนเชื่อว่า นโยบายดังกล่าวอาจกระตุ้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจได้ระยะหนึ่ง เพราะจะทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ทากุจิ ไอดะ นักวิเคราะห์จากยูบีเอส เอจีในโตเกียวมองว่า "ประชาชนกำลังประเมินความสามารถของพรรค DPJ ว่าช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้มากน้อยแค่ไหน โดยบรรยากาศความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยหนุนของตลาดหุ้นที่ขยายตัวยาวนานจะส่งผลให้ภาคการผลิตฟื้นตัว จากนั้นตลาดแรงงานก็จะดีดตัวขึ้นตามมา"

บลูมเบิร์กรายงานว่า ความเชื่อมั่นภาคครัวเรือนในเดือนก.ค.ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 7 หลังจากที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว แต่กระนั้นประชาชนยังมีมุมมองในแง่ลบต่อเศรษฐกิจมากกว่าแง่บวก เนื่องจากรายได้ภาคครัวเรือนลดลง และตลาดแรงงานยังคงย่ำแย่

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ในยามที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ และสังคมเต็มไปด้วยประชากรวัยสูงอายุที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างจริงจัง พวกเขาก็มีความหวังว่าสถานการณ์ต่างๆจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายยังคงมองเศรษฐกิจในแง่ลบ หลังมีปัจจัยบ่งชี้หลายประการที่แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคจะยังคงเผชิญภาวะวิกฤตเนื่องจากอัตราค่าจ้างในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลง ขณะที่หลายฝ่ายคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.ที่รัฐบาลจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้อาจพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.5% ก่อนจะไต่ระดับถึง 5.9% ในช่วงกลางปี 2553


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ