นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) จะหารือถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคง หลังจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ได้เลื่อนการชุมนุมจากวันนี้ เป็นวันที่ 5 ก.ย.52 และประกาศจะเลื่อนชุมนุมอีก หากรัฐบาลยังประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดยยืนยันว่าการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจึงขอรอดูสถานการณ์อีกระยะ ซึ่งการประกาศใช้กฎหมายนี้ ไม่ได้กระทบต่อสิทธิของประชาชน
ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้คัดค้านการชุมนุมทางการเมือง หากเป็นการชุมนุมอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย แต่ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือน เดือน เม.ย. 52 ที่ผ่านมา เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงแล้วไ ด้ส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างมาก ทำให้ประชาชนเดือดร้อน และจะกระทบต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย
"หากนัดชุมนุมอีก อยากจะให้คุยกัน เพราะที่ผ่านมาก็มีการจัดกิจกรรมชุมนุมหลายครั้ง ก็ไม่มีปัญหา แต่หากปิดล้อมทำเนียบไม่ให้ข้าราชการเข้าไปทำงาน ศาลมีคำสั่งว่าทำไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นหากจะคุยด้วยดี จะตั้งเวทีปราศรัยตรงไหน หรือ ยื่นหนังสือ ก็ทำได้ แต่อย่าสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง เพราะที่ผ่านมาอาจเกิดจากความเข้าใจผิด หรือมีมือที่สาม ดังนั้นวิธีที่สุดคือป้องกันไว้ก่อน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบหมาย ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เจรจากับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจากเป็นผู้มีประสบการณ์เจรจากับแกนนำมาแล้วเมื่อ เดือน เม.ย.ที่ผานมา จนยอมสลายการชุมนุม ซึ่งถือว่า ผบ.ตร.มีความคุ้นเคยกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่แล้ว และเห็นว่า แกนนำคนเสื้อแดงบางคน ยังมีคดีอยู่ระหว่างประกันตัวจากเหตุการณ์เมื่อ เม.ย. ดังนั้นหากมีการกระทำผิดซ้ำอีก อาจจะถือว่าผิดเงื่อนไขของศาลได้
อย่างไรกตาม เชื่อว่า การเลื่อนชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่น่าจะกระทบต่อการประชุมอาเซียน ในเดือน ต.ค. ที่หัวหิน โดยมั่นใจว่าจะสามารถดูแลรักษาความปลอดภัยได้
" อยากย้ำว่าเหตุการณ์เมื่อ เม.ย. ได้สร้างความเสียหายมาก จึงต้องมาตั้งคำถามว่า เกิดเหตุการณ์แล้วได้อะไร เกิดความวุ่นวายและคนไทยทุกคนสูญเสียหมด เศรษฐกิจที่เราเคยกลัวว่าคนจะว่างงาน 2 ล้านคน ตอนนี้กำลังดีแล้ว หากมีความรุนแรง ท่องเที่ยวก็หาย การลงทุนก็หาย คนก็ไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ก็เป็นปัญหาลูกโซ่ ผู้ได้รับผลกระทบมากสุดคือประชาชน หากบ้านเมืองเดือดร้อน รัฐบาลก็ต้องเข้ามาแก้ปัญหา" นายกรัฐมนตรี กล่าว