สื่อของทางการอิหร่านรายงานว่าอิหร่านได้พัฒนาระบบป้องกันตนเองจากขีปนาวุธลาดตระเวน (cruise missile) ตลอดจนได้พัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีทางการทหารและอวกาศมากมายด้วย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
"ปัจจุบันเราไม่เพียงแต่สามารถตรวจจับขีปนาวุธลาดตระเวนแบบหลบซ่อนได้เท่านั้น แต่เรายังสามารถทำลายมันได้ด้วย" เพรสส์ ทีวี รายงานคำกล่าวอ้างของนายพลจัตวา อาห์หมัด มิกานี ผู้บัญชาการฐานทัพอากาศคาทัม อัล-อันบิยา
มาห์มู้ด อาห์มาดิเนจ๊าด ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า อิหร่านประสบความสำเร็จในการทดสอบจรวดนำวิถีจากพื้นสู่พื้น (surface-to-surface) และกำลังพัฒนาจรวดที่มีอานุภาพรุนแรงกว่าเดิม
กระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วว่า อิหร่านอาจได้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานรุ่น SA-20 ที่ผลิตในรัสเซียในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้อิหร่านมีศักยภาพในการป้องกันการโจมตีทางอากาศสูงขึ้นจนสามารถตรวจจับและทำลายเครื่องบินที่ห่างออกไป 160 กิโลเมตรได้อย่างสบายๆ ซึ่งจะทำให้อิหร่านปกป้องโครงการนิวเคลียร์ของตนเองได้ สหรัฐจึงเชื่อว่านี่เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้อิสราเอลตัดสินใจโจมตีอิหร่าน
ทั้งนี้ สหรัฐและประเทศยุโรปสงสัยว่าอิหร่านอาจกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อใช้เป็นอาวุธ แต่อิหร่านยืนกรานมาตลอดว่าทำการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับรองรับความต้องการของประชากรในประเทศเท่านั้น สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน