นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจขริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ชี้มูลความผิดอาญาในเหตุการณ์สั่งสลายการชุมนุมวันที่ 7 ต.ค.51 ว่า ป.ป.ช.รีบชี้มูลความผิด ขณะที่ศาลปกครองยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคำร้องที่ได้ยื่นไว้กับคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร เนื่องจากป.ป.ช.ไม่เรียกให้ตนเองไปให้การใดๆ เลย ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาย่อมมีสิทธิในการแก้ข้อกล่าวหาและดูเอกสารหลักฐานการกล่าวหา
"ป.ป.ช.รีบเร่งมีมติและชี้มูลออกมาในวันที่ 7 ก.ย.โดยไม่รอฟังคำสั่งศาลปกครองที่ได้ร้องไว้ ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการต่อสู้ โดยแสดงให้เห็นว่า ป.ป.ช.ไม่ยอมรับระบบของความยุติธรรม"นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวชี้แจงว่า ในวันนั้นระหว่างที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดให้คณะรัฐมนตรี( ครม.)แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 7 ต.ค.ซึ่งในคืนวันที่ 6 ต.ค.ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปปิดล้อมอาคารรัฐสภาเป็นจำนวนมากอย่างผิดปกติ จึงได้เชิญ ครม.มาหารือ โดยมีการบันทึกการประชุม ครม.ไว้ด้วย ซึ่งได้แจ้งกับที่ประชุม ครม.และรัฐมนตรีหลายคนได้ให้ความเห็นว่าน่าจะมีการย้ายการประชุม ครม.หรือเลื่อนการแถลงนโยบาย
แต่นายชัยก็ระบุว่าให้ดำเนินการไปตามที่สั่งไว้ จึงสั่งให้รัฐมนตรีไปดูข้อเท็จจริงที่สภาฯว่าเข้าประชุมได้หรือไม่ หากเข้าไม่ได้ก็ให้รอคำสั่งจากประธานสภาฯ เช้าวันรุ่งขึ้นก็ทราบข่าวว่ามีการใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุม จึงได้ให้ ผบ.ตร.มาให้ข้อมูลกับ ครม.อีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ต้องรักษาสถานการณ์บ้านเมืองตามหน้าที่ เราในฐานะที่เป็น ครม.ไม่สามารถสั่งการอะไรได้ เพราะยังไม่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้รีบออกจากสภาฯเพราะจะมีผู้ชุมนุมบุกเข้ามาทำร้าย โดยจะเปิดทางข้างหน้า แต่จะทำหรือไม่ทำ จะใช้แก๊สหรือไม่ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจ ไม่ใช่ว่าตำรวจทำแล้วจะมีความผิดเพราะเป็นการทำไปตามอำนาจหน้าที่ จากนี้ จะแต่งตั้งทนายความเพื่อต่อสู้คดี แต่จะไม่ฟ้องกลับไปที่ใครทั้งนั้น แต่จะสู้คดีไปตามที่ตนมีสิทธิ์ต่อสู้คดีต่อไป