โฆษกรัฐชี้"ทักษิณ-เสื้อแดง"อาศัยช่วงอ่อนไหวเดินเกมรุก จับตาแรงกระเพื่อมก.ย.-ต.ค.

ข่าวการเมือง Tuesday September 8, 2009 18:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุการออกมาเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกลุ่มคนเสื้อแดง อาศัยจังหวะช่วงรอยต่อของปีงบประมาณซึ่งถือว่าเป็นช่วงจังหวะเวลามีความอ่อนไหว เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายที่อาจทำให้เกิดความไม่พอใจ

"ต้องจับตาในช่วงเดือนกันยาฯ และตุลาฯ จะเป็นช่วงที่อ่อนไหวที่สุด จากประวัติศาสตร์แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกันในช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งจะมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ เป็นช่วงที่งบประมาณเริ่มไหลลงพื้นที่จะเกิดแรงกระเพื่อมสูง" นายปณิธาน กล่าว

นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองขององค์กรภาคเอกชนต่างๆ ขณะเดียวกันรัฐบาลผสมที่ผ่านการบริหารงานมาช่วงระยะเวลาหนึ่งเริ่มมีความแตกต่างทางความคิดมากขึ้น

"กลุ่มเสื้อแดงอาจจะใช้จังหวะนี้สร้างความรุนแรง อาจจะล้มประชุมอาเซียนเพราะคิดว่าครั้งที่แล้วทำสำเร็จครั้งนี้ก็ทำได้" นายปณิธาน กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้รับรายงานข่าวว่าในวันที่ 19 ก.ย.นี้จะมีการระดมผู้มาชุมนุมหลายหมื่นคนจากทั่วประเทศ ส่วนจะเคลื่อนไหวอย่างไรจะรู้ได้ชัดเจนล่วงหน้าก่อน 2 สัปดาห์ ซึ่งรัฐบาลได้วางมาตรการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเพิ่มกำลังทหารในการดูแลทำเนียบรัฐบาลจาก 1 กองร้อย เป็น 3 กองร้อย และใช้แผนปฎิบัติการที่เคยเตรียมไว้ใช้เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เองเข้าใจดีว่ารัฐบาลอ่อนไหวมากในช่วงนี้จึงพยายามสร้างแรงกระเพื่อม เห็นได้จากการใช้สื่อสมัยใหม่อย่างเว็บไซต์ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค หรือแทรกตัวเข้ามาในสื่อรัฐ ก็เป็นความตั้งใจที่จะจุดกระแสโจมตีรัฐบาล เพื่อเผด็จศึกในช่วงนี้

"ถ้าผ่านเดือนกันยาฯ และตุลาฯ ไปได้บรรยากาศของประเทศจะเปลี่ยนไป เพราะเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นอยู่ในช่วงตัว V ขาขึ้น ขณะที่ประชาชนก็เข้าสู่เทศกาลฉลอง ท่องเที่ยวในช่วงปลายปีไม่มีใครสนใจการเมือง กระแสยุบสภาก็ปลุกไม่ขึ้น เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่พร้อมที่จะเลือกตั้ง ประชาชนก็ไม่ต้องการเลือกตั้งใหม่"นายปณิธาน กล่าว

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดประเด็นพร้อมเจรจากับรัฐบาลเพื่อความสมานฉันท์นั้น นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นการเดินยุทธวิธีที่หลากหลาย เพราะสิ่งที่ต้องการจะเจรจามี 2 ข้อเท่านั้น คือ คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท และคดีของคนในครอบครัว แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องยากที่จะเจรจา เพราะนายกรัฐมนตรีก็ย้ำหลายครั้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องกลับมารับโทษ หรือมีแนวโน้มว่าจะยอมรับกระบวนการยุติธรรมก่อน ประตูการเจรจาจึงจะถูกเปิดออก

"คุณทักษิณอยากจะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง อยากจะเอาทุกอย่างโดยที่ไม่เสียอะไรเลย เหมือนสมัยที่เป็นนายกฯ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะวันนี้คุณทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ หากยังยื้ออยู่แบบนี้แล้วโค่นล้มรัฐบาลไม่ได้ในช่วงตุลาฯ โอกาสของเขาจะน้อยลงมาก เพราะสภาพเศรษฐกิจสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เขาก็จะกลายเป็นอดีตนายกฯ คนหนึ่งที่ร่อนเร่อยู่ในต่างประเทศและเคลื่อนไหวทางการเมืองลำบากมากขึ้น" นายปณิธาน กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า หลังจากนี้ยุทธวิธีของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจปรับมาเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนให้ใกล้ประเทศไทยมากขึ้นเพื่อกระตุ้นมวลชนในประเทศ โดยพร้อมที่จะเข้าประเทศไทยได้ทุกเมื่อ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ