สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ 40.38% ยังไม่แน่ใจว่าจะดีหรือไม่ เนื่องจากยังสับสนกับข้อมูลที่ได้รับในปัจจุบัน มีหลายกระแสที่อยากให้มีการแก้ไขทั้งฉบับ ไม่รู้ว่าฉบับไหนดีกว่ากัน รวมทั้งประชาชนหรือนักการเมืองที่ได้ประโยชน์ ขณะที่มีประชาชนอีก 39.91% เห็นว่าควรมีการแก้ไขเพราะมีหลายมาตราที่เป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาและข้อถกเถียงกันอย่างมากจนถึงปัจจุบัน แต่ส่วนที่เหลืออีก 19.71% เห็นว่าไม่ควรแก้ไขเพราะฉบับเดิมดีอยู่แล้ว เป็นการแก้ไขเพื่อเอื้อประโยชน์บุคคลบางกลุ่ม และอาจเกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองอีก
แต่หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สิ่งที่ประชาชนอยากให้เร่งแก้ไขมากที่สุด 21.17% คือ มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรคการเมืองและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและกรรมการบริหารพรรค รองลงมา 17.91% คือ มาตรา 93-98 เรื่องที่มาของ ส.ส.ให้กลับไปเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 และ 16.51% มาตรา 266 เรื่องข้อห้ามไม่ให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำ
และสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศจะเป็นอย่างไรหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ 69.63% คิดว่าเหมือนเดิม เพราะหากนักการเมืองยังคงทำตัวในทางที่ไม่ถูกไม่ควร เห็นแก่พรรคแก่พวกอยู่ การเมืองไทยก็ไม่พัฒนา แต่อีก 24.77% เห็นว่าจะดีขึ้นเพราะเป็นการแก้ไขที่ถูกจุด ส่งผลดีต่อประเทศชาติ การประท้วงและการชุมนุมทางการเมืองอาจลดลงได้
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ 41.26% ระบุปัจจัยที่ทำให้การเมืองไทยพัฒนาได้ไม่เต็มที่มาจากตัวนักการเมืองเอง
ทั้งนี้ สวนดุสิตโพลสำรวจความคิดเห็น เรื่อง เป็นการทำเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อใคร แล้วประชาชนจะได้อะไรกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยสอบถามจากประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,509 คน เมื่อวันที่ 7-10 ก.ย.ที่ผ่านมา