นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทบทวนถึงผลดีและผลเสียของการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร หลังจากที่รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะประกาศใช้เพือควบคุมการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีรัฐประหาร เนื่องจากเห็นว่าแนวทางดังกล่าวจะเป็นการยั่วยุทหารและประชาชนให้เกิดการเผชิญหน้าอีกครั้ง ซึ่งประเมินว่าการชุมนุมครั้งนี้จะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมนับแสนคน จึงเห็นว่า แนวทางการลดการเผชิญหน้าโดยใช้กฎหมายเท่าที่มีอยู่ก็น่าจะเพียงพอ
"พรรคทราบว่าสายฮาร์ดคอร์ในหลายจังหวัดเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ซึ่งจะทำให้เกิดมือที่ 3 เข้ามาแทรกแซงจนทำให้อำนาจนอกระบบเข้ามาควบคุมสถานการณ์ และอาจจะทำให้นายอภิสิทธิ์ตกเก้าอี้ เข้าลักษณะกงกำกงเกวียนเหมือนกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไปประชุมที่สหรัฐอเมริกาแล้วไม่ได้กลับประเทศ" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ขอให้นายกรัฐมนตรีทบทวนเรื่องดังกล่าวอย่างรอบด้าน โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่มองเก้าอี้ของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
โฆษกพรรค พท. กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจในการสร้างความสมานฉันท์ในประเทศ ซึ่งการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 16-17 ก.ย.นั้น รัฐบาลควรหยุดสร้างเงื่อนไข และผลักดันให้มีการแก้รัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็นตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเสนอ
และเมื่อมีการแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว และ พ.ร.บ.งบประมาณปี 53 ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาภายในสัปดาห์นี้แล้ว เห็นว่านายกรัฐมนตรี ควรประกาศยุบสภาภายใน พ.ย.52 เพื่อผ่าทางตันให้กับระบอบประชาธิปไตยให้ก้าวไปข้างหน้า