นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย(พท.) ยื่นเรื่องให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้งว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่งหรือไม่ จากครั้งก่อนที่ยื่นเรื่องให้วินิจฉัยตามมาตรา 168 วรรคหก โดยมี ส.ส.พรรคเดียวกันรวม 71 คนร่วมลงชื่อด้วย
"ผมเชื่อว่าการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยครั้งนี้ไม่ได้เป็นการยื่นเรื่องซ้ำ เพราะได้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นใหม่" นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ครั้งนี้ได้ขอให้วินิจฉัยในประเด็นมาตรา 167 วรรคหนึ่งที่ว่า ในการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ต้องมีเอกสารประกอบ ซึ่งรวมถึงประมาณการรายรับ และวัตถุประสงค์ กิจกรรม แผนงาน โครงการในแต่ละรายการ ของการใช้จ่ายงบประมาณให้ชัดเจน
ก่อนหน้านี้ นายสุรพงษ์ได้ยื่นเรื่องตามขั้นตอนดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในมาตรา 168 วรรคหกที่ว่า ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือของคณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายจะกระทำมิได้ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวาระ 2 และ 3 ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 27-29 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการฯ ไม่ได้นำเสนอรายละเอียดของแผนงานและโครงการในแต่ละรายการใช้จ่ายงบประมาณตามที่ ครม.ได้มีมติให้หน่วยงานราชการต่างๆ เสนอขอเพิ่มงบประมาณผ่านสำนักงบประมาณ เพื่อทดแทนงบประมาณที่คณะกรรมาธิการฯ ได้ปรับลดลงไปกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท
"ผมสอบถามในการประชุมสภาฯ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองประธานกรรมาธิการวิสามัญฯ ก็ได้ยืนยันต่อที่ประชุมอย่างชัดเจนว่าไม่มีรายละเอียดของแผนงานและโครงการ จึงถือว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2553 ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 167" นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมวุฒิสภาผ่านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้ว ตนเองจึงได้รีบยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภา เพราะเกรงว่าจะมีการทูลเกล้าฯ ร่าง พ.ร.บ.ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลให้เป็นโมฆะ ต้องเริ่มต้นกระบวนการใหม่และรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ