นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการอภิปรายร่วมรัฐสภาในวันที่ 2 เพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามผลการรายงานของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปทางการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่ารัฐธรรมนูญปี 50 จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขในบางมาตรา สำหรับมาตราที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมย้อนหลังให้แก่นักการเมืองนั้น ยังคงไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขในจุดนี้
ส่วนบางมาตราในรัฐธรรมนูญปี 50 ที่แม้ตนจะเห็นด้วย เช่น กรณีการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ตามที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น หากหลายฝ่ายเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ก็พร้อมที่จะพูดคุยประนีประนอมกันได้
"ผมยืนยันจริงว่ารัฐธรรมนูญควรแก้ไข แต่บางประเด็นผมก็ไม่ได้เห็นด้วยว่าสมควรจะแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นมาตราที่มีผลในการนิรโทษกรรมย้อนหลัง ผมไม่เคยเห็นด้วย ขณะเดียวกันบางประเด็น เช่น เรื่องเขตเลือกตั้ง ผมแสดงความคิดเห็นมาโดยตลอดว่า เขตเลือกตั้งที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเหมาะสม แต่ผมได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่า ถ้าแม้นว่าเรื่องนี้จะเป็นอุปสรรค คือ หมายถึงจุดยืนในเรื่องเขตเลือกตั้งใหญ่ เล็กจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าในขบวนการสมานฉันท์ ผมก็เห็นว่าไม่เป็นไร ประนีประนอมกันได้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รายงานผลสรุปดังกล่าวของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ พบว่าสมาชิกรัฐสภายังมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน โดยเฉพาะกรณี 6 ประเด็นที่เสนอให้มีการแก้ไข รวมถึงแนวทางการจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.3) ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ จำเป็นต้องชี้แจงให้แก่สมาชิกได้รับความชัดเจนมากขึ้น
"ขณะนี้อ่านรายงานแล้วยังเข้าใจไม่ตรงกันว่าจะเดินหน้าไปอย่างไร หลายคนเข้าใจว่า 6 ประเด็นทำกันเอง แล้วมีเรื่อง ส.ส.ร. แต่พอผมสอบถาม ท่านก็บอกว่าไม่ได้สรุปเช่นนั้น มองว่า 6 ประเด็นอาจใช้กลไกในลักษณะ ส.ส.ร.ทำ เพียงแต่ท่านไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ส.ส.ร.เป็นคนนอกหรือคนใน หรือผสมผสานระหว่างคนนอกกับคนใน ซึ่งคิดว่าคณะกรรมการน่าจะเป็นผู้ชี้แจงมากกว่า" นายกรัฐมนตรี กล่าว พร้อมระบุว่า สำหรับจุดยืนที่ชัดเจนของรัฐบาลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะขอพูดในช่วงท้ายสุดหลังจากที่สมาชิกอภิปรายจบแล้ว