นายกรัฐมนตรี ระบุว่า กรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะนำกลุ่มผู้ชุมนุมไปกดดันให้ทหารและชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่พิพาทบริเวณรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้นไม่ใช่เรื่องที่ส่งผลดีต่อประเทศไทย เพราะการแสดงออกควรอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายและใช้ความระมัดระวัง ซึ่งรัฐบาลยังคงใช้แนวทางการเจรจากับประเทศกัมพูชาต่อไป และยืนยันว่ารัฐบาลของ 2 ประเทศต่างมีความเข้าใจกันเป็นอย่างดี
"ไม่เป็นผลดีกับใคร อยากยืนยันใครที่หวงแหนในดินแดนอธิปไตยต้องระมัดระวังในวิธีการปกป้องว่าควรจะเป็นอย่างไร ขอให้ความมั่นใจรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องมองเห็นแล้วว่าแนวทางการรักษา(อธิปไตย)ที่ดีที่สุด ควรผ่านกระบวนการเจรจา และยึดข้อตกลงที่ทำกันไว้" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่สามารถทำความเข้าใจในเรื่องพื้นที่เขาพระวิหารกับกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ แต่ได้มอบหมายให้ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง และกระทรวงการต่างประเทศได้ทำความเข้าใจต่อไป
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาจเกิดปัญหากระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารที่มีทหารกัมพูชาดูแลอยู่ โดยอยากเตือนให้หลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นเผชิญหน้า และถือเป็นเรื่องปกติที่ทางการกัมพูชาจะเตรียมพร้อมทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์เพื่อรับมือกับเรื่องนี้
"พันธมิตรฯต้องไม่ดำเนินการใดๆ ที่ก่อให้เกิดการเผชิญหน้า...ถ้าคนเขมรบุกรุกเข้ามาในแผ่นดินไทย ผมต้องใช้ทุกอย่าง ถ้าไม่ใช้แก๊สน้ำตาผมก็ต้องยิงเอาบ้าง เพราะว่าบุกรุกประเทศเหมือนกัน" นายสุเทพ กล่าว
ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยกับเรื่องดังกล่าว ทั้งสองประเทศได้มีการเจรจากันมาอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกับประเทศเพื่อนบ้าน