นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลมีความเห็นตรงกันที่จะเสนอแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญในที่ประชุมร่วมวิป 3 ฝ่ายวันที่ 1 ต.ค.โดยจะเสนอให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเป็นหลัก ส่วนจะดำเนินการในรูปแบบทำประชามติหรือไม่ ขอหารือร่วมกันก่อน แต่ยอมรับว่าแนวทางที่นายกฯต้องการให้มีการทำประชามติน่าจะมีส่วนช่วยให้การหารือร่วมกับวิปอีก 2 ฝ่ายง่ายขึ้น
"วิปรัฐบาลได้หารืออย่างกว้างขวางในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือว่าเรื่องนี้สำคัญ โดยจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับแกนนำรัฐบาลและวิป 3 ฝ่ายต่อไป...ผมคิดว่ากรณีที่ท่านนายกฯได้มีการเตรียมการทำประชามติ ก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่ง เป็นเรื่องที่ทำให้กระบวนการเจรจาในวันที่ 1 ต.ค.ง่ายขึ้น" นายชินวรณ์ กล่าว
ประธานวิปรัฐบาล กล่าวอีกว่า การรับฟังความเห็นประชาชนต้องอยู่บนหลักการที่ประชาชนทุกกลุ่มสามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าฝ่ายเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ควรให้สิทธิที่เท่าเทียมกัน และกระบวนการรับฟังความเห็นประชาชนต้องเป็นอิสระ และมีความเป็นกลาง หากมีการทำประชามติจะมีการกำหนดกรอบเวลา 90 วัน แต่ไม่เกิน 120 วัน แต่หากไม่ทำประชามติ ควรจะต้องกำหนดกรอบเวลาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมวิปรัฐบาลวันนี้ยังได้หารือถึงกรณีการทำประชามติที่จะต้องใช้งบประมาณดำเนินการถึง 2 พันล้านบาท ว่าหากดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวจริง จะต้องเข้าสู่กระบวนการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้รับผิดชอบและควรมีการกำหนดประเด็นที่จะสอบถามประชาชนจะต้องเป็นประเด็นที่เข้าใจง่าย
ด้านนายแพทย์อลงกต มณีกาศ ส.ส.นครพนม ในฐานะวิปรัฐบาลจากพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ทางพรรคเห็นด้วยกับแนวทางการทำประชามติ แต่จะต้องเกิดขึ้นภายหลังที่ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านการพิจารณาจากสภา ในวาระ 2 แล้ว และเชื่อว่าความเห็นของพรรคน่าจะสอดคล้องกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา