นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมหารือกับวิป 3 ฝ่าย เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภายในในวันศุกร์ที่ 2 ต.ค.นี้ หรือสัปดาห์หน้า หลังจากได้ประสานงานกับประธานวิปรัฐบาลแล้ว ทราบว่า วิปรัฐบาลได้นัดหารือกับวิปวุฒิสภา และวิปฝ่ายค้านในวันพรุ่งนี้ก่อน
ส่วนการสอบถามความเห็นจากประชาชน โดยยึดการแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น ซึ่งการปฎิบัติตามผลสรุปของคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อให้มีประเด็นหลักในการสอบถาม แต่หากเป็นการสอบถามประชาชนว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ อาจจะไม่ทราบว่าประชาชนอยากให้แก้ไขประเด็นใดบ้าง
นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า กรณีที่ บริษัท มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างประเทศ วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากยังมีปัญหาทางการเมือง นั้น เป็นความกังวลของหลายฝ่าย แต่รัฐบาลพยายามหาทางออกการแก้ปัญหาการเมืองตลอดเวลา แต่ยอมรับว่าภาพลักษณ์ด้านลบของประเทศ ต้องใช้เวลาพิสูจน์ในสายตาต่างชาติ
"ภาพลักษณ์ของประเทศติดลบมาหลายปี ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ ที่ยังติดอยู่ในสายตาชาวโลก ที่ยังหยุดไม่ได้" นายกรัฐ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยมีแนวคิดที่จะนำผลประโยชน์แลกกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร หลังจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีออกมติ ครม.สนับสนุนการลงนามในแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา และมีส่วนช่วยสนับสนุนนายฮุนเซ็น ในการเลือกตั้งของกัมพูชา
"แนวที่ทำ ไม่มีเพื่อประโยชน์คนอื่น เป็นประโยชน์ประเทศ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะแลกในรัฐบาลนี้"
นอกจากนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ยกระดับปัญหาของไทย-กัมพูชา เข้าสู่การหารือในเวทีต่างประเทศ ทั้งเวทีอาเซียน หรือเวทีระดับอื่นๆ ซึ่งแนวทางปฎิบัติของไทย จะยึดหลักการเจรจาในกรอบคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(เจบีซี) โดยต้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง หรือเกิดการปะทะเกิดขึ้น