วันที่ 1 ตุลาคม ได้กลายเป็นวันสำคัญของพี่น้องชาวจีน นับตั้งแต่ที่ประธาน เหมา เจ๋อตง ผู้นำการปฏิวัติ ได้ประกาศสถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน" หรือประเทศจีนใหม่ที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง ในวันนี้เมื่อปีค.ศ. 1949
และการเฉลิมฉลองวันชาติปีนี้จะมีความพิเศษยิ่งกว่าครั้งใด เนื่องจากเป็นวันเกิดครบรอบปีที่ 60 ซึ่งตามคติชาวจีนถือว่าเป็นช่วงอายุที่สำคัญ ดังนั้น รัฐบาลจีนจึงเตรียมการจัดงานเฉลิมฉลองวันแซยิดอย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริกสมฉายาพญามังกร
กิจกรรมที่ถือเป็นไฮไลท์ของงานฉลองวันชาติจีนคือ การเดินขบวนพาเหรดเพื่อประกาศถึงความยิ่งใหญ่และปลุกสำนึกแห่งความภาคภูมิใจของชนชาติจีน ซึ่งการเดินสวนสนามของกองทัพในวันที่ 1 ต.ค.นี้นับเป็นครั้งที่ 14 ตั้งแต่สาธารณรัฐประชาชนจีนถือกำเนิดเมื่อ 60 ปีก่อน
โดยเช้าวันนี้ ทหารราว 5,000 นายจากกองทัพปลดปล่อยประชาชน หรือ พีแอลเอ จะเดินตบเท้าอย่างพร้อมเพรียงผ่านจตุรัสเทียนอันเหมิน และประตูทางเข้าพระราชวังต้องห้ามทางทิศใต้ ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาเป็นประธานตรวจพลสวนสนาม และจะกล่าวสุนทรพจน์ ท่ามกลางเหล่าผู้นำระดับสูง และประชาชนเกือบ 5 แสนคน
หลังเสร็จสิ้นการเดินสวนสนาม ซึ่งมีทั้งหมด 14 ขบวน ขบวนละ 352 นาย ก็จะต่อด้วยการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพจีน ด้วยการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ 52 รายการ รวมถึงอาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่ รถถัง และการบินอวดศักยภาพของเครื่องบินรบสุดล้ำซึ่งกองทัพอากาศแสนจะภาคภูมิใจเพราะผลิตขึ้นเองบนผืนแผ่นดินจีน นอกจากนี้ ในช่วงค่ำจะมีการแสดงร้องเพลงและเต้นรำซึ่งจะมีผู้ร่วมแสดงกว่า 2 แสนคน และอีกหนึ่งไฮไลท์ซึ่งเป็นที่ตั้งตารอคอยก็คือการแสดงดอกไม้ไฟสุดตระการตาและยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งจะประกอบไปด้วยพลุดอกไม้ไฟกว่า 20,000 ชุด ซึ่งมีจำนวนมากเป็น 2 เท่าจากที่เคยใช้ในพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเมื่อปีก่อน
จีนตั้งใจให้การเฉลิมฉลองวันชาติปีนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดแห่งปี และเป็นโอกาสให้จีนได้ป่าวประกาศความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองประเทศมายาวนานตลอดช่วง 6 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยสามารถนำพาจีนไต่เต้าจากประเทศเกษตรกรรมยากจน จนผงาดขึ้นเป็นยักษ์เศรษฐกิจที่มีความทันสมัยไม่แพ้ชาติตะวันตก และเพื่อให้สมความตั้งใจ รัฐบาลจีนจึงได้นำมาตรการทุกรูปแบบมาใช้เพื่อแน่ใจว่าจะไม่มีอะไรมาขัดขวางการเฉลิมฉลองให้สะดุดไปจากแผนที่วางไว้แม้เพียงน้อย
ทางการปักกิ่งได้ตระเตรียมงานมาตลอดปีเพื่อวันสำคัญวันนี้ และได้เร่งเดินเครื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการสำคัญที่ขาดไม่ได้คือการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย โดยมีการเพิ่มกำลังตำรวจหลายหมื่นนายออกตรวจตราความปลอดภัยทั้งในกรุงปักกิ่งและเมืองโดยรอบอย่างเข้มงวด
ทางการได้สั่งปิดถนนหลายสายของกรุงปักกิ่งในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ เพื่อจัดการเดินสวนสนามของกองทัพ โดยตำรวจจราจรราว 7,000 นายได้รับคำสั่งให้ประจำการตามถนนสายหลักและจุดต่างๆในกรุงปักกิ่ง เพื่อสกัดการใช้ยวดยานพาหนะที่จะสัญจรในเส้นทางดังกล่าว ขณะที่มณฑลและเขตเทศบาลต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงได้ตั้งด่านตรวจยานพาหนะเกือบ 200 จุดบนถนนทุกสายที่มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวง
โดยภายในช่วงเช้าวันพุธ หรือหนึ่งวันก่อนพิธีฉลองใหญ่ ปรากฏว่า เมื่อวานนี้ ใจกลางกรุงปักกิ่งหยุดนิ่ง เมื่อธุรกิจ ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวปิดทำการ และแทบจะไม่เห็นคนบนท้องถนน ก่อนที่มาตรการควบคุมการจราจรจะเริ่มมีผลในช่วงสายของวัน
นอกจากรถลาบนท้องถนนแล้ว ทางการจีนยังได้สกัดกั้นเหตุการณ์วุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นได้กับยวดยานพาหนะทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟและรถไฟใต้ดิน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระอย่างเข้มงวด
ในส่วนของท่าอากาศยานกรุงปักกิ่งนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธได้ถูกส่งไปประจำการที่อาคารผู้โดยสารทั้ง 3 หลังตั้งแต่ปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราผู้โดยสารที่น่าสงสัยและรักษาการณ์สนามบิน ซึ่งการรักษาความปลอดภัยแน่นหนานี้จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 8 ต.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดวันสุดท้ายของเทศกาลฉลองวันชาติ
พร้อมกันนี้ยังมีคำสั่งห้ามเครื่องบินบินเหนือน่านฟ้ากรุงปักกิ่งในระหว่างการเดินขบวนพาเหรด โดยเที่ยวบินขาออกจากกรุงปักกิ่งทุกเที่ยวบินจะถูกระงับให้บริการระหว่างเวลา 09.30 น. - 00.30 น.
นอกจากมาตรการรักษาความปลอดภัยระบบขนส่งแล้ว มีรายงานว่า ณ สิ้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ทางการสามารถยึดปืนได้เกือบ 53,000 กระบอก และลูกกระสุน 2 ล้านลูก ขณะเดียวกัน รายงานระบุว่า ทางการจีนยังสั่งงดจำหน่ายมีดชั่วคราว ทั้งที่ร้านขายของชำขนาดเล็กไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่จากต่างประเทศ เช่น ห้างวอลมาร์ทและคาร์ฟูร์ หลังเกิดเหตุคนร้ายใช้มีดไล่แทงประชาชนที่บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน เสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บ 14 คนเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี มาตรการรักษาความปลอดภัยข้างต้นอาจดูธรรมดาไปเลยเมื่อเทียบกับมาตรการที่จะยกตัวอย่างถึงต่อไปนี้ อาทิเช่น การควบคุมฟ้าฝน โดยจีนทุ่มเทความพยายามครั้งใหญ่ที่สุดในการควบคุมสภาพอากาศ เนื่องจากสภาพอากาศที่ปลอดโปร่งจะช่วยให้ขบวนพาเหรด การแสดง และการจุดพลุดำเนินไปได้อย่างราบรื่น โดยกองทัพอากาศจีนจะใช้เครื่องบิน 18 เครื่องฉีดพ่นสารเคมีสลายเมฆไม่ให้จับเป็นกลุ่มก้อนเหนือท้องฟ้ารอบกรุงปักกิ่ง และยังได้เตรียมรถกำจัดหมอกไว้ 48 คันด้วย
มาตรการรักษาความปลอดภัยและสงบเรียบร้อยยังได้ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่ทางการมองว่าอาจเป็นอันตรายต่อ “เสถียรภาพและความปรองดองทางสังคม" โดยชาวเมืองปักกิ่งต้องรายงานต่อสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ หากพบเห็น “วัตถุบินได้ต้องสงสัย" แม้จะเป็นสิ่งธรรมดาสามัญอย่าง “นกพิราบ" และ “ว่าว" ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชาวปักกิ่งนิยมเล่นอย่างแพร่หลายในยามว่างก็ตาม
หนังสือพิมพ์ปักกิ่ง นิวส์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนแจ้งเตือนไปยังบ้านเรือน 30,000 แห่ง ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเลี้ยงนกพิราบไว้กว่า 1 ล้านตัว ห้ามปล่อยนกเหล่านี้ออกมาจนกว่าจะถึงวันที่ 2 ตุลาคม ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับเงิน ซึ่งคำสั่งนี้ครอบคลุมไปถึงการเล่นว่าวด้วย
แม้แต่แมลงทั้งหลาย อาทิ แมลงสาบและยุงก็ไม่ได้รับการยกเว้น โดยมีการกำจัดแมลงในกรุงปักกิ่งเพื่อรับประกันว่าแมลงน่ารำคาญเหล่านี้จะไม่มากวนใจหรือทำให้เสียบรรยากาศในการชมพิธีเฉลิมฉลอง
ห้ามหย่า! หนึ่งในคำสั่งของทางการจีนในช่วงเฉลิมฉลองวันชาติ 8 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศกาลกรุงปักกิ่งอ้างว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่คู่รักแห่มาจดทะเบียนเป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว มากกว่าที่จะให้บริการจดทะเบียนหย่า
ประชาชนที่มีบ้านหันหน้าตรงกับเส้นทางที่ขบวนพาเหรดผ่าน จะต้องปิดหน้าต่างและประตูระเบียง และห้ามยืนดูพิธีจากระเบียงและหน้าต่างบ้านตัวเอง หรือแม้แต่ห้ามชวนเพื่อนหรือบุคคลอื่นมาพักที่บ้านในวันที่ 1 ต.ค.
กว่าที่งานเฉลิมฉลองจะสวยงามเป็นรูปเป็นร่างอย่างที่รัฐบาลจีนเฝ้ารอนั้น ผู้ร่วมแสดงซึ่งมีตั้งแต่เด็กนักเรียนไปจนถึงคนเฒ่าคนแก่ที่เกษียณอายุแล้ว จะต้องอุทิศวันพักผ่อนและเวลาที่จะได้อยู่กับครอบครัว เพื่อไปร่วมเข้าค่ายฝึกซ้อมเป็นเวลานานหลายเดือน แต่ถึงแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยสักเพียงใดพวกเขาก็ยินดีและเต็มใจที่จะได้เป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญนี้
เติ้ง เฟิงจุน นักศึกษาในกรุงปักกิ่ง กำลังดื่มด่ำบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ความรู้สึกสนุกสนานรื่นเริงเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นความภาคภูมิใจในชาติจีนที่สามารถผงาดขึ้นเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา
“การได้ชมงานฉลองและได้สัมผัสบรรยากาศเหล่านี้ ทำให้ผมเชื่อว่าจีนจะเจริญรุ่งเรืองและแผ่อิทธิพลได้ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้"
เปา ฉวยรุ่ย ทหารวัย 26 ปีจากมณฑลอันฮุย รับใช้กองทัพจีนมานานกว่า 7 ปี และหวังว่าตนจะได้รับเลือกให้มีส่วนร่วมในงานนี้
“เราเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังเสริมเพื่อรักษาความปลอดภัยในช่วงโอลิมปิก ทหารบางนายในทีมกำลังปฏิบัติหน้าที่เดียวกันนี้ในโอกาสฉลองวันชาติปีที่ 60"
และแม้ชีวิตประจำวันอันปกติสุขจะต้องแปรเปลี่ยนไปเพราะมาตรการยุ่งยากนานับประการของทางภาครัฐ แต่ประชาชนจำนวนมากก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ อาทิ หญิงแซ่เการายหนึ่งที่ประกาศว่า “เราควรสนับสนุนการเฉลิมฉลองนี้ และเราจะผ่านพ้นความไม่สะดวกสบายต่างๆไปได้"
เมื่อมี “คนรัก" เป็นธรรมดาที่จะต้องมี “คนชัง" โดยมีรายงานว่า นักท่องเที่ยวบางส่วนได้รับคำสั่งให้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในย่านดาวน์ทาวน์ของกรุงปักกิ่ง ทั้งที่ได้ยืนยันจองห้องพักแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็สร้างความไม่พอใจให้กับพวกเขา ขณะที่เจ้าของร้านกาแฟชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งไม่สามารถซื้อของเข้าร้านที่กรุงปักกิ่งได้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากซัพพลายเออร์ในเมืองข้างเคียงไม่สามารถนำของมาส่งได้เพราะการจราจรถูกปิดเพื่อเปิดทางสำหรับการซ้อมขบวนพาเหรดซึ่งจะเคลื่อนผ่านถนนหลายสาย
และในช่วงเวลาที่อ่อนไหวเช่นนี้ องค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่งได้รายงานว่า นักเคลื่อนไหวและผู้คัดค้านทางการเมืองถูกกวาดออกจากเมืองหลวง และผู้ร้องเรียนหลายรายถูกห้ามเข้าเมือง ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ องค์การนิรโทษกรรมสากลได้ประเมินว่า นักเคลื่อนไหวและฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลจีนหลายร้อยรายได้ถูกควบคุมตัวหรือกักบริเวณในบ้านพัก
ไอ เหว่ยเว่ย ศิลปิน สถาปนิก และนักเคลื่อนไหวชื่อดังชาวจีน ได้เขียนบทความตีพิมพ์ลงในนิตยสารไทม์ ชื่อว่า “จีนบนความขัดแย้ง" (China Paradox) โดยเขาแสดงความเห็นว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดของจีนก่อนวันที่ 1 ต.ค. เป็นการสื่อถึงความหวาดกลัวมากกว่าความสุข และกล่าวว่าการเฉลิมฉลองควรจะเป็นภาพสะท้อนถึงความท้าทายที่ประเทศยังคงต้องเผชิญ
“เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ต่อสู้แย่งชิงอำนาจขึ้นปกครองประเทศจีนในช่วงทศวรรษที่ 1920s และ '40s พวกเขาให้คำมั่นเรื่องประชาธิปไตย เสรีภาพ และระบบยุติธรรม" ไอกล่าว" หกทศวรรษผ่านไป ยังไม่ปรากฏสิ่งที่สัญญาไว้สักอย่างเดียว"
ไม่มีใครรู้ว่าอีก 60 ปีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แต่นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเห็นพ้องกันว่า จีนจะมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น เจริญก้าวหน้ามากขึ้น และอาจจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ขณะที่ หลิว ชีซิน นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ขื่อดังของจีนกล่าวว่า ในวันฉลองครบรอบ 120 ปีการก่อตั้ง “สาธารณรัฐประชาชนจีน" ในปีค.ศ.2069 นั้น นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนอาจร่วมสดุดีจัตุรัสเทียนอันเหมินมาจากบนดวงจันทร์ก็เป็นได้