พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทย(พท.) เพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น และชื่นมื่นจากนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิต แถลงเปิดใจว่า มีความตั้งใจจะทำงานทางการเมืองอีกครั้งจากเหตุผล คือ 1.ทนเห็นประเทศอยู่ลักษณะนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะความแตกแยกในแผ่นดินมันไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย สถาบันที่เคารพบูชาหลายสถาบันได้รับกระทบเทือนอย่างมาก 2.ได้สอบถามความเห็นจากประชาชนในหลายสาขาอาชีพแล้ว ต่างลงความเห็นโดยต้องการให้ตนเองมาอยู่ที่พรรคเพื่อไทย ประกอบกับได้รับคำเชิญจากหัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรคที่ถือว่าให้เกียรติตนเองมาก และ 3.ไม่ต้องการให้พรรคแย่งชิงหรือแข่งขันกับใครที่มีความรับผิดชอบในบ้านเมืองอยู่แล้ว แต่จะต้องหันหน้าจะมาร่วมมือร่วใจกัน
"ที่มาวันนี้ คงจะทำอะไรให้บ้านเมืองได้บ้าง โดยจะเสริมสิ่งที่ทำอยู่แล้วและเพิ่มเติมสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับพรรค เราต้องการแก้ไขปัญหาของชาติอย่างแท้จริง วันนี้สิ่งที่สะเทือนในหัวใจเหลือเกิน กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงห่วงใยสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งแนวทางแห่งความผูกพันคนดีในสังคมที่มีอยู่มากในแผ่นดินนี้นั้น แต่วันนี้ยังขาดความร่วมมือร่วมใจกัน ยืนยันว่าพวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองนี้อยู่รอดให้ได้" พล.อ.ชวลิต กล่าว
พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวถึงการผลักดันแนวทางสมานฉันท์ว่า สิ่งแรกคือทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากันก่อน ต่อมาคือต้องอโหสิกรรมให้กันและลืมเรื่องเก่า จากนั้นถึงเปิดเจรจาในลักษณะที่เข้าใจกัน เพราะลักษณะของคนไทยต้องไม่ใช้ความรุนแรง ชอบสันติ นั่งเจรจากัน ถ้าใช้แนวทางนี้ประสบผลสำเร็จอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี พล.อ.ชวลิต ได้ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า ในชีวิตของตนเองไม่มีสิ่งใดที่รักและเทิดทูนยิ่งไปกว่าประเทศชาติและราชบัลลังก์ วันนี้สถานการณ์ในชาติตามความเป็นจริงน่าห่วงใยอย่างที่สุด นั้นคือเหตุผลที่ทำให้ตนเองและพี่น้องที่เคยร่วมกันรักษาชาติ บ้านเมือง ต้องกลับมาร่วมกันหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าเคยรับปากกับคนที่เคยรักและเคารพยิ่งว่าการทำงานให้บ้านเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมือง แต่สถานการณ์ในวันนี้ถ้าไม่มาทำงานการเมืองก็คงไม่มีอำนาจที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้แน่
ดังนั้นเมื่อได้รับเกียรติและความไว้วางใจจากพรรคเพื่อไทยเข้ามาทำงานในพรรค จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะกลับเข้ามาทำงานการเมืองร่วมกับสมาชิกพรรค ส.ส. กรรมการบริหาร เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในชาติ พร้อมไปกับการจรรโลงประชาธิปไตย และนำความเป็นธรรมคืนกลับสู่สังคมไทย
การตัดสินใจกลับเข้ามาทำงานการเมืองครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะมาแย่งชิงหรือแข่งขันกับผู้หนึ่งผู้ใด ตนเองและเพื่อนเพียงหวังว่าการเข้ามาร่วมงานจะมาช่วยเหลือแบ่งเบาและเพิ่มเติมสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพรรคและประเทศ โดยจะทำหน้าที่ด้วยความชัดเจน หนักแน่น แน่นอน และไม่คลุมเครือ
ถามว่างานที่ตั้งใจจะมาทำคืออะไร พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 21 ส.ค.52 ว่า ระยะเวลาที่ผ่านมารู้สึกว่าบ้านเมืองเรากำลังล่มจม เพราะต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างแย่งกัน ต่างคนต่างไม่เข้าใจว่าทำอะไร แต่ตอนนี้โชคดีที่มีผู้มีความรู้ต่างๆ กันมาร่วมมือกัน ตนเองจึงอาสาที่จะมาทำงานเพื่อสนองพระราชดำรัส ชักชวนคนดี มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ และราชบัลลังก์ ให้มาทำงานตามพระราชประสงค์ให้จงได้