นายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้นัดหารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลถกแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงเย็นวันนี้ที่บ้านพิษณุโลก พร้อมกับย้ำว่า จะต้องมีการทำประชามติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำให้เกิดความสมานฉันท์ ไม่ใช่มีเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเรื่องเดียว แต่จะมีเรื่องของความเป็นธรรมในคดีความ หรือการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐธรรมนูญเป็นจุดขัดแย้งใน 2 ลักษณะ คือ 1.มีบทบัญญัติบางมาตราที่ทำให้คนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม 2.มีสัญลักษณ์ของการรัฐประหารอยู่ แต่เมื่อมีบางฝ่ายยังคัดค้านการแก้ไข ตนจึงเสนอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินด้วยการทำประชามติ
"จะต้องมีกระบวนการเป็นที่ยอมรับ เพราะในสาระ ยังไงก็เห็นไม่ตรงกัน อย่าง 6 ประเด็น ผมก็ไม่เห็นด้วยหลายประเด็น" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า จะไม่กลายเป็นเงื่อนไขให้เกิดการเผชิญหน้า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ควรเป็นเช่นนั้น เพราะแต่ละฝ่ายสามารถนำเสนอข้อมูลของตนเอง เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจได้อย่างเต็มที่ เช่น ใครเห็นด้วยหรือใครไม่เห็นด้วยกับมาตราไหน ก็สามารถไปนำเสนอความเห็นต่อประชาชนได้ เมื่อประชาชนลงคะแนนมาอย่างไร ส่วนตัวเชื่อว่าผู้แทนปวงชนชาวไทย คงจะเคารพการตัดสินใจของประชาชน ทั้งนี้ ในการทำประชามติสอบถามประชาชน ควรถามแยกเป็น 6 ประเด็น
นายกรัฐมนตรีไม่ได้เห็นด้วยทั้ง 6 ประเด็น ได้แก่ เขตเลือกตั้ง ส่วนตัวไม่อยากให้เปลี่ยนเป็นเขตเดียวเบอร์เดียว เพราะไม่เข้ากับวัฒนธรรมหรือบริบทของสังคมไทย เนื่องจากทำให้เกิดความแตกแยกในพื้นที่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ยังทำให้ ส.ส. ไปให้ความสำคัญกับงานของท้องถิ่นมากกว่างานระดับชาติ เป็นต้น
ส่วนมาตรา 237 ที่เกี่ยวกับการยุบพรรค นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น เพราะพรรคไม่ใช่ของคณะกรรมการบริหารพรรค แต่เป็นของสมาชิก หากหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรค ไปทำอะไรผิดก็ควรลงโทษให้แรง แต่สมาชิกพรรคอีกเป็นล้านคน ก็ควรมีสถาบันหรือพรรคของเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม หากพิสูจน์ได้ว่า การกระทำผิดของบุคคลใด แท้ที่จริงเป็นการกระทำของพรรค ส่วนตัวก็เห็นว่า กรรมการบริหารพรรคควรถูกลงโทษทั้งหมด แต่ไม่ใช่การยุบพรรค
เมื่อถามว่า ทำไมต้องใช้เวลาในการแก้ไข 9 เดือน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการคำนวณกันเองตามเงื่อนไขของกฎหมาย ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ซื้อเวลา เพราะหากทำเร็ว แต่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ก็ไม่เป็นประโยชน์กับใคร
ต่อข้อถามว่า เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วถึงตอนนั้นจะมีความชัดเจนเรื่องการยุบสภาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการแก้รัฐธรรมนูญ และความเหมาะสมของสถานการณ์บ้านเมือง ตนเคยพูดไว้ว่าการคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นเรื่องที่ดี ถ้ามีความเหมาะสม โดยมี 3 เงื่อนไข คือ 1.เศรษฐกิจมีความมั่นคงพอสมควร 2.กติกาการเลือกตั้งต้องเป็นที่ยอมรับ และ 3.บรรยากาศทางการเมืองต้องอยู่ในความสงบ ถ้ามีความรุนแรงในการเลือกตั้ง ไม่เป็นผลดีต่อประชาธิปไตย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงปัญหาตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่ากำลังดำเนินการอยู่ แม้จะเป็นตำแหน่งสำคัญ แต่รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาอื่นด้วย
ส่วนข่าวการลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีความชัดเจน ส่วนกระแสข่าวที่จะมีการปรับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแทนนายนิพนธ์นั้น ปฏิเสธจะตอบคำถาม หลังจากที่นายกรัฐมนตรีจัดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" แล้ว นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปพบนายกอร์ปศักดิ์ที่บ้านพักย่านรามคำแหง 21