ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเตรียมยื่นกระทู้สดต่อสภาในวันที่ 8 ต.ค.นี้ เพื่อถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงความคืบหน้าคดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ถูกแจ้งข้อกล่าวหารวม 9 คดี ว่ามีคืบหน้าอย่างไร นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง โดยต้องการให้นายกรัฐมนตรีตอบกระทู้สดด้วยตนเอง
"อยากรู้ว่านายกฯได้ทำอะไรไปบ้าง ที่เคยบอกว่ามีคำตอบอยู่ในใจ วันนี้จะตอบได้หรือยัง ขอให้นายอภิสิทธิ์มาตอบด้วยตัวเอง อย่าให้นายสุเทพ มาตอบแทน"ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
สำหรับกรณีที่พรรคการเมืองใหม่ได้เลือกนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่ม พธม.เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องขอขอบคุณ เพราะต่อไปนายสนธิจะได้ไม่ต้องประท้วงนอกสภา แต่ต้องมาปราศรัยหาเสียงตามกติกาเพื่อเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี นับเป็นผลดีต่อประเทศชาติที่จะไม่มีกายึดสนามบินอีก
"ก็ขอต้อนรับด้วยความ ยินดี เพียงแต่เป็นห่วงเรื่องคดีของนายสนธิที่ยังค้างอยู่เยอะ"ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลว่าพรรคการเมืองใหม่จะมาแย่งคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเชื่อว่าจะมาแย่งฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า และจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เล็กลง โดยมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะได้ที่นั่ง ส.ส.เกินกึ่งหนึ่งแน่นอน ดังนั้น จึงต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์รับยุบสภาและเลือกตั้งใหม่
พรรคเพื่อไทยยังยืนยันที่จะผลักดันให้มีการนิรโทษกรรมและอภัยโทษผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง โดยประกาศชัดเจนที่จะยึดเป็นนโยบายหาเสียงของพรรค ไม่ต้องรอให้ชนะการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล พร้อมย้ำจุดยืนที่ไม่ต้องการรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 แต่เห็นว่าควรนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 มาใช้
"การผลักดันให้มีการทำประชามติของรัฐบาลนั้น เป็นเพียงการยื้ออายุให้ยืนยาวขึ้นอีกหน่อยเท่านั้น ที่มีคนบอกว่าผมไม่เข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญนั้น ขอบอกว่าผมเข้าใจดี ให้นายอภิสิทธิ์มาออกทีวีกับผมคุยเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องอื่นๆด้วยก็ได้ กล้าหรือไม่" ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงกรณีที่กล่าวในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่ จ.ขอนแก่น เกี่ยวกับการส่งเทปบันทึกเสียงของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศให้กับสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า เป็นการพูดในวงสัมมนา ให้เกิดสีสัน ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะคนรู้กันทั่วโลกแล้ว และสมเด็จฮุนเซ็นก็รู้เรื่องนี้นานแล้ว พร้อมยืนยันว่าตนเองเป็นคนไทยแท้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขอถามว่านายอภิสิทธิ์ว่ารู้เรื่องนี้หรือไม่ และยังให้นายกษิต มาเป็น รมว.ต่างประเทศ จนเป็นเหตุให้เกิดความร้าวฉานระหว่างประเทศ