นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้แจ้งความเห็นในการทำประชามติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมายังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าควรทำประชามติก่อนนำร่างแก้ไขเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภานั้น นายกรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องต่อมายังวิปรัฐบาลเพื่อให้นำมาหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้ ก่อนที่จะนำไปหารือกับวิป 3 ฝ่ายในวันพรุ่งนี้(8 ต.ค.)
ทั้งนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าหากจะทำประชามติควรทำก่อนนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อเป็นการนำความเห็นของประชาชนมาประกอบการพิจารณา เพราะหากทำประชามติหลังจากร่างแก้ไขฯ ผ่านความเห็นชอบในวาระแรกแล้ว อาจเข้าลักษณะของการเพิ่มขั้นตอนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 และอาจเป็นการดำเนินการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 165
นายชินวรณ์ กล่าวว่า แม้ว่าผลการทำประชามติไม่มีผลผูกพันกับขั้นตอนของรัฐสภา แต่เมื่อกฤษฎีกาเสนอความเห็นมาเช่นนี้ ก็ควรทำให้เกิดความถูกต้อง เพราะเชื่อว่าผลการทำประชามติจะมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจของพรรคการเมืองและนักการเมือง และเชื่อว่าไม่มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดจะไปดำเนินการขัดต่อความเห็นของประชาชน
ส่วนกระบวนการหลังจากที่มีการยกร่างแล้วจะเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนทั้งหมด จากนั้นคณะรัฐมนตรีจะจัดทำประเด็นเพื่อขอความเห็นจากประชาชนว่ามีสาระสำคัญอย่างไร เบื้องต้นการกำหนดประเด็นจะต้องทำให้เข้าใจได้ง่ายเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ
"เมื่อ ครม.ออกประกาศทำประชามติในราชกิจจานุเบกษา ครม.คงกำหนดแนวทางที่ชัดเจนให้ กกต. เบื้องต้นต้องตกลงกันก่อนว่าจะยกร่างเป็นรายมาตรา หรือทำเป็นร่างเดียว 6 มาตรา ประเด็นสำคัญ คือ การเขียนหลักการที่ต้องเขียนให้กว้าง เพื่อให้มีผลต่อการแสวงหาข้อยุติร่วมกัน และเปิดกว้างให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น โดยที่สุดทำให้ผลการทำประชามติมีผล นายชินวรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี การประชุมร่วมวิป 3 ฝ่ายในวันพรุ่งนี้จะเชิญฝ่ายกฎหมายของรัฐสภาเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อให้ได้ข้อยุติในแนวทางการทำประชามติ