ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ได้ตัดสินใจเลื่อนแผนการเดินทางเยือนอินโดนีเซียในช่วงปลายปีนี้ออกไปเป็นปีหน้า แต่ปฏิเสธว่าการเลื่อนแผนเดินทางในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัย
ดิโน แพทติ จาลาล โฆษกประธานาธิบดีซูสิโล บัมบัง ยุดโดโยโน ของอินโดนีเซีย เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า ประธานาธิบดีทั้งสองท่านได้หารือถึงแผนการเดินทางดังกล่าวในระหว่างที่ทั้งคู่พบปะกันนอกรอบการประชุมจี20 ที่พิตตส์เบิร์ก เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยหลังจากที่พิจารณาทบทวนความเป็นไปได้ต่างๆแล้ว โอบามาและยุดโดโยโนก็เห็นพ้องกันว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดน่าจะเป็นปีหน้า โฆษกกล่าวว่า การเลื่อนการเดินทางไม่ได้มีสาเหตุมาจากความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่เนื่องจากผู้นำทั้งสองต้องการเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะการเยือนอินโดนีเซียจะต้องก่อให้เกิดผลที่เป็นประโยชน์ และจะเป็นการเดินทางที่พิเศษ เนื่องจากประธานาธิบดีโอบามาเคยใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กที่อินโดนีเซีย
ก่อนหน้านี้ โอบามาได้กล่าวว่าจะเดินทางเยือนอินโดนีเซียในเดือนพ.ย.นี้ เมื่อเขามาร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ที่กำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 พ.ย.นี้ที่สิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดที่โรงแรมเจดับบลิว แมริออท และริตซ์-คาร์ลตันในจาการ์ตา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ซึ่ง 6 รายในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ อีกทั้งยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกถึง 153 คน ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เหตุระเบิดดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุให้โอบามาเลื่อนแผนเดินทางเยือนอินโดนีเซียออกไป