นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรีต่อกรณีที่ศาลปกครองมีคำสั่งชะลอ 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมถึงแนวทางของรัฐบาลต่อการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญปี 50
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบกระทู้โดยยืนยันว่ารัฐบาลยังคงเดินหน้าผลักดันการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดต่อไป ไม่ว่าคำตัดสินของศาลจะออกมาในแนวทางใด รวมทั้งเร่งพิจารณาออกกฎหมายลูกด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้ขอความร่วมมือจากสภาผู้แทนราษฎรให้ช่วยเร่งพิจารณากฎหมายฉบับนี้ด้วยหากรัฐบาลนำเสนอเข้าสู่สภาฯ
"เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยก็จะมีผลต่อแนวปฏิบัติที่ชัดเจนต่อไป ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมแก้กฎหมายสิ่งแวดล้อม และจะนำเสนอต่อสภาฯ...สมมติว่าศาลมีคำตัดสิน เราก็ต้องดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆ แต่ไม่ใช่ว่ากระบวนการเหล่านี้จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ก็ต้องให้ไปเข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมก่อน และจะเดินหน้าทำเรื่องนี้ต่อไป"นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มาตรา 67 วรรค 2 ในรัฐธรรมนูญปี 50 ถือว่าเป็นหลักการที่ดีที่ประชาชนจะมีสิทธิเรียกร้องหรือคุ้มครองสิทธิของตนเอง อย่างไรก็ดี เห็นว่าปัญหาจากข้อบังคับของกฎหมายในมาตราดังกล่าวเคยมีการเรียกร้องให้ปรับปรุงแก้ไขตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการอะไรและทำให้เกิดปัญหาค้างคามาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรัฐบาลนี้จะเร่งเดินหน้าปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการทำความเข้าใจกับภาคเอกชนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศ โดยเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะเข้าใจต่อการดำเนินการของรัฐบาล
อนึ่ง มาตรา 67 วรรค 2 ในรัฐธรรมนูญปี 50 ระบุว่า การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน
รวมทั้งให้องค์การอิสระ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม หรือทรัพยากรธรรมชาติ หรือด้านสุขภาพให้ความเห็นประกอบก่อนที่จะมีการดำเนินการดังกล่าว