นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญรัฐบาลจะยึดตามมติของวิป 3 ฝ่าย ที่ได้ตกลงกันแล้วว่าจะแก้รัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็นตามผลสรุปของคณะกรรมการสมานฉันท์ และให้คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของสภาเป็นผู้ยกร่างแก้ไข
ส่วนการทำประชามติถือเป็นสิทธิของรัฐบาล จะดำเนินการ ขึ้นอยู่กับกรอบเวลา ระหว่างนี้คงมีเวลาทำความเข้าใจกันให้ชัดเจน โดยการทำประชามติ จะไม่มีการเริ่มใหม่ที่จะให้สอบถามว่าต้องการรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 หรือ 50 เพราะทั้งสองฉบับมีข้อบกพร่อง และเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายแล้ว
สำหรับการที่แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ยืนยันจะไม่ร่วมทำประชามติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น จากการหารือกับ ส.ส.ของฝ่ายค้าน ยังไม่ได้มีท่าทีชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ทำประชามติ ดังนั้นท่าทีของคนในพรรค พท.จะเป็นอย่างไร ถือเป็นเรื่องภายใน แต่ตนยึดถือมติของวิป 3 ฝ่าย ซึ่งมีตัวแทนจากวิปฝ่ายค้านร่วมด้วย
"เมื่อมีกระบวนการสมานฉันท์ซึ่งเกิดขึ้นในสภาและเดินหน้าไป มีข้อตกลงกันแล้ว เหตุใดจึงไม่ดำเนินการตามนี้ ถ้าฝ่ายค้านไม่เปลี่ยนใจก็เดินได้เร็วกว่านี้ เพราะฉะนั้นที่ล่าช้าเป็นเพราะฝ่ายค้าน ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล และผมยังมองไม่เห็นว่าผมไปซื้อเวลาตรงไหน มีแต่ผมเป็นฝ่ายเร่งรัดให้มีความชัดเจน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากฝ่ายค้านแล ส.ว.ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนี้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่มีมติไว้ เห็นว่าไม่ต้องดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป เพราะที่ผ่านมากระบวนการที่ดำเนินการมาทั้งหมด เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน หากเดินหน้าแล้วเกิดความขัดแย้งก็ไม่ควรดำเนินการ ดังนั้น เวลานี้อุปสรรคอยู่ที่ว่าฝ่ายค้านจะยอมรับตามที่เคยตกลงกันในวันที่มาหารือร่วมกันระหว่างวิปฝ่ายค้าน วิปรัฐบาล วิปวุฒิสภา และรัฐบาล หรือไม่ หากยอมรับคงใช้เวลา 9 เดือน